เชื้อไวรัส “อาร์เอสวี” ระบาด กรมควบคุมโรคเตือนผู้ปกครองดูแลบุตรหลานใกล้ชิด

วันที่ 27 สิงหาคม นพ.อัษฏางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงฤดูฝนในประเทศไทยมักพบผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) โดยเชื้อไวรัสนี้ติดต่อได้จากการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย เช่น น้ำมูก เสมหะของผู้ป่วย เป็นต้น โดยเชื้อไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางตา จมูก ปาก และจากการสูดหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศในรูปละอองฝอยจากการไอ จามของผู้ป่วย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการหลังสัมผัสถูกเชื้อไวรัสในระยะเวลา 4-6 วัน และเมื่อป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นาน 3-8 วัน

นพ.อัษฏางค์ กล่าวว่า โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial Virus: RSV) สามารถพบได้ในผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ แต่ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัสอาร์เอสวีขั้นรุนแรงหรือเป็นอันตรายต่อชีวิต ได้แก่ ทารกที่คลอดก่อนกำหนด เด็กเล็กที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคปอดตั้งแต่กำเนิด เด็กที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น เด็กที่ได้รับเคมีบำบัดหรือได้รับการปลูกถ่ายกระดูก ทารกที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็กที่แออัด ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคหอบหืด ผู้สูงอายุ หรือเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ผู้ที่เป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่เข้ารับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่เป็นโรคลูคีเมีย หรือผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ เป็นต้น

“อาการโดยทั่วไปอาจจะเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่อาการจำเพาะของเชื้อนี้ที่มักพบในเด็กเล็กคือ หลอดลมฝอยอักเสบ โดยเริ่มแรกจะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ จนถึงอาการรุนแรง เช่น หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ เสียงหายใจดังวี้ด กินอาหารได้น้อย และซึมลง ซึ่งการรักษาส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ” นพ.อัษฎางค์ กล่าวและว่า ล่าสุด องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี โดยประมาณการว่า พบเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ทั่วโลกติดเชื้ออาร์เอสวีปีละ 33.8 ล้านราย เสียชีวิต 160,000 ราย

นพ.อัษฎางค์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคทางห้องปฏิบัติการย้อนหลัง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบว่า ในปี 2560 เชื้อไวรัสอาร์เอสวีจะระบาดในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม โดยพบผู้ป่วยที่มีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 9 แห่ง (โครงการ WHO RSV Surveillance Project) จำนวน 1,935 ราย ติดเชื้ออาร์เอสวี 148 ราย คิดเป็นร้อยละ 7.65 และปี 2561 จำนวน 968 ราย ติดเชื้ออาร์เอสวี 115 ราย คิดเป็นร้อยละ 11.88 ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่สามารถปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสดังกล่าวได้ โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด สอนให้เด็กล้างมืออย่างถูกต้อง และรักษาสุขอนามัยส่วนตัว หลีกเลี่ยงการไปสถานที่ที่ผู้คนหนาแน่น ไม่ควรพาเด็กไปเล่นในที่มีเด็กเล่นอยู่ด้วยกันจำนวนมาก ผู้ป่วยควรงดการออกนอกบ้านในช่วงที่ไม่สบาย เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น และควรปิดปากปิดจมูกเวลาไอจาม ทำความสะอาดบ้าน และของเล่นเด็กเป็นประจำ ดื่มน้ำมากๆ พักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง เมื่อบุตรหลานมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด ควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อ

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image