ศูนย์สิทธิผู้บริโภค กทม.ห่วงปมลดค่าธรรมเนียมตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ เปิดช่องผู้ประกอบการไม่คำนึงถึงคุณภาพ

ศูนย์สิทธิผู้บริโภค กรุงเทพมหานคร กังวล การปรับลดค่าธรรมเนียมตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญจะทำให้ผู้ประกอบกิจการไม่คำนึงถึงความสะอาดและคุณภาพน้ำ แนะ กทม. ควรมีมาตรการจัดการกับผู้ประกอบกิจการอย่างเข้มข้นเพื่อให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง พร้อมร่วมทำงานกับทุกสำนักงานเขตเพื่อคุ้มครองผู้บริโภค

สืบเนื่องศูนย์สิทธิผู้บริโภค กรุงเทพมหานคร ร่วมกับ นักวิชาการอิสระ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) สำรวจข้อมูลทางกายภาพตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญ ตั้งแต่ปี 2558-2559 ในเขตพื้นที่ กทม. พบว่า กว่าร้อยละ 95 มีตู้น้ำดื่มเถื่อนทั่ว กทม. โดยที่ 1,600 กว่าตัวอย่าง ไม่มีการขออนุญาตประกอบกิจการที่ถูกต้อง ต่อมา ศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯแต่ละพื้นที่ได้ให้ข้อมูลการสำรวจกับหน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ สำนักงานเขต กทม. เพื่อให้มีการขับเคลื่อนและผลักดันเข้าเป็นหนึ่งในมติน้ำดื่มปลอดภัยในสมัชชาสุขภาพ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2560 เครือข่ายองค์กรผู้บริโภค กทม.รวมตัวกันยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อให้บรรจุเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขเร่งด่วนในพื้นที่ กทม. เมื่อทางผู้ว่าฯได้รับจดหมายและข้อมูลการสำรวจ จึงมีคำสั่งด่วนพิเศษให้ทุกสำนักงานเขตดำเนินการสำรวจข้อมูลตู้น้ำดื่มในพื้นที่ พร้อมเชิญผู้ประกอบกิจการเข้ามาขออนุญาตประกอบกิจการให้ถูกต้อง และดำเนินการสำรวจคุณภาพน้ำเบื้องต้น

จากนั้น กทม.ได้มอบหมายให้ทางสำนักอนามัยจัดประชุมหารือกับผู้ประกอบกิจการเพื่อรับฟังปัญหาที่ผู้ประกอบกิจการไม่ดำเนินการขออนุญาต เนื่องจากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขออนุญาตรายปี มีอัตราสูงถึง 2,000 บาท/ปี ทำให้ผู้ประกอบกิจการไม่ปฏิบัติตาม หลังจากที่ได้รับข้อเสนอจากผู้ประกอบกิจการ เรื่องอัตราค่าธรรมเนียม ทาง กทม.จึงรับข้อเสนอมาและผลักดันให้เกิดการลดค่าธรรมเนียมลงตามข้อเสนอดังกล่าว โดยลดเหลือในอัตรา 500 บาท/ปี ส่วนศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯยังคงประสานงาน ติดตาม และสำรวจข้อมูลตู้น้ำดื่มเพิ่มเติมเพื่อนำข้อมูลส่งต่อสำนักงานเขตในพื้นที่ รวมถึงติดตามการทำงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสิ่งแวดล้อมของสำนักงานเขต เพื่อจะได้ทราบถึงความคืบหน้าข้างต้น

ล่าสุด เมื่อ​วันที่ 4 กันยายน ศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯ ในฐานะผู้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด จัดแถลงข่าวเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญในเขต กทม. โดยนาง​ปราณี อุ่นแอบ ตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตคลองสามวา กล่าวว่า จากการติดตามของศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯอย่างต่อเนื่อง พบว่า ในข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่อง ค่าธรรมเนียมสำหรับการดำเนินกิจการตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข พ.ศ.2561 ได้ปรับลดราคาค่าธรรมเนียมการผลิตน้ำดื่มจากเครื่องจำหน่ายอัตโนมัติจากเดิมตู้ละ 2,000 บาท ปรับมาเป็นตู้ละ 500 บาท ส่วนตู้ต่อไปคิดเพิ่มอีกตู้ละ 20 บาท แต่รวมกันไม่เกิน 15,000 บาท ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ประกอบกิจการที่เรียกร้องให้ค่าธรรมเนียมลดลงเพื่อขจัดอุปสรรคในการขออนุญาต

Advertisement

นาง​ปราณีกล่าวว่า ศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯจึงขอสอบถามไปยัง กทม.ว่าได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบกิจการทั้งรายเก่าและรายใหม่รับทราบหรือไม่ และสำหรับตู้ที่ชำรุดบกพร่อง ทั้งในส่วนที่ยังให้บริการหรือไม่สามารถให้บริการได้แล้ว กทม.จะมีมาตรการในการจัดการตู้น้ำดื่มเหล่านี้อย่างไร อีกทั้ง กทม.จะสามารถเปิดเผยข้อมูลการขออนุญาตประกอบกิจการของผู้ประกอบกิจการที่มีการขึ้นทะเบียนขออนุญาตได้หรือไม่

นางฐิตินัดดา รักกู้ชัย ตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตบางกอกน้อย กล่าวว่า อยากถามไปยังผู้ประกอบกิจการว่ามีการดำเนินการอย่างไร และได้มีการเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้บริโภคทราบหรือไม่ อย่างไร หรือมีการแสดงฉลากให้ผู้บริโภครับทราบหรือไม่ หรือมีการดำเนินการอย่างไร ในกรณีผู้ประกอบกิจการเปลี่ยนไส้กรองตามเกณฑ์กำหนด เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของผู้บริโภค

​“การที่มีการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมลงนั้น อาจเป็นช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ประกอบกิจการละเลย หรือไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความสะอาดและคุณภาพน้ำ ดังนั้น จึงอยากฝากให้ กทม.มีมาตรการในการจัดการกับผู้ประกอบกิจการที่ไม่มีการตรวจสอบคุณภาพน้ำตามเกณฑ์ที่กำหนด และผู้ประกอบกิจการที่ไม่ดำเนินการขออนุญาตประกอบกิจการทั้งรายเก่าและรายใหม่ให้มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง เพื่อที่ผู้บริโภคจะได้ดื่มน้ำที่สะอาดและปลอดภัยต่อสุขภาพ” ตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภคเขตบางกอกน้อยกล่าว

​ด้านนางพนิตา ฟองอ่อน ตัวแทนศูนย์สิทธิผู้บริโภคแรงงานลาดกระบัง กล่าวว่า ศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯขอเรียกร้องให้ กทม.อันเป็นท้องถิ่นพิเศษ เปิดเผยข้อมูลการดำเนินการในสถานการณ์ปัจจุบันในการแก้ไขปัญหาตู้น้ำดื่มที่ยั่งยืนในพื้นที่ กทม. และมีการกำหนดมาตรการการจัดการตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญเถื่อนหรือตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญที่ไม่ถูกสุขลักษณะอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม ศูนย์สิทธิผู้บริโภคฯในฐานะองค์กรพิทักษ์สิทธิผู้บริโภคพร้อมจะทำงานร่วมกับทุกสำนักงานเขตในการจัดการปัญหาตู้น้ำดื่มแบบหยอดเหรียญในแต่ละพื้นที่ โดยการเป็นอาสาสมัครเฝ้าระวังประสานงาน และเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกับทุกสำนักงานเขตและ กทม.อีกด้วย

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image