ก.แรงงาน ส่งทีมทำความเข้าใจเจ้าของ ‘รง.สัปปะรด’ ยันเร่งหาทางช่วยเหลือ

เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายสุวรรณ์ ดวงตา รองอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงกรณีปัญหาโรงงานแปรรูปสัปปะรดใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เตรียมจะปิดกิจการในช่วงรอบการผลิตปี 2562-2563 เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบเอ็มโอยูจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อมาทำงาน และไม่สามารถจ่ายเงินเดือนในช่วงที่ไม่มีงานให้ทำเป็นเวลา 3 เดือน โดยเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าว ว่า ล่าสุดทางการไทยได้เจรจาร่วมกับ 4 ประเทศเพื่อนบ้าน คือ    เมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ในประเด็น 1.แรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานในประเทศไทยจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพที่ประเทศต้นทาง 2.จะต้องผ่านการตรวจประวัติอาชญากรรมก่อนมา 3.ระยะเวลาการจ้างงานให้ขึ้นอยู่กับความต้องการของนายจ้าง ไม่จำเป็นต้องทำงาน 2 ปี

“จากการเจรจาดังกล่าว ขณะนี้มีทางการเมียนมา และเวียดนาม ที่ให้ความเห็นชอบ และกระทรวงการต่างประเทศก็รับทราบเรื่องแล้ว เตรียมจะมีการเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้ความเห็นชอบตามขั้นตอน และหลังจากนั้นจึงจะมีการทำเอ็มโอยูกับทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะมีผลให้นายจ้างที่ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าว แต่ประสงค์ให้ทำงานในระยะสั้นๆ สามารถจ้างแรงงานลักษณะนี้ได้อย่างถูกต้อง และไม่ผิดกฎหมายคุ้มครองแรงงาน” นายสุวรรณ์ กล่าวและว่า ล่าสุด ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการในพื้นที่แล้ว

นอกจากนี้ นายสุวรรณ์ กล่าวว่า ในส่วนกรณีที่ระบุว่าถูกเก็บค่าดำเนินการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อหัวเกือบ 1 หมื่นบาท นั้น ข้อเท็จจริงที่ทางการไทยเรียกเก็บจากการจ้างแรงงานต่างด้าวต่อหัวรวมทุกหน่วยงานไม่เกิน 5,000 บาทเท่านั้น ประกอบด้วย 1.ค่าตรวจสุขภาพ 500 บาท 2.ค่าประกันสุขภาพตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กำหนดปีละ 1,600 บาทต่อคน แต่ในเร็วๆนี้จะมีการปรับลดให้สอดคล้องกับระยะเวลาการจ้างงานด้วย เช่น 3 เดือน 6 เดือน 3.ค่าดำเนินการขออยู่ในราชอาณาจักรไทยชั่วคราว 500 บาท 4.ค่าคำขอใบอนุญาตทำงาน 100 บาท 5.ค่าใบอนุญาตทำงาน 800 บาทต่อปี 6.ค่าประกันคนต่างด้าว 1,000 บาท (เมื่อกลับประเทศต้นทางจะได้คืน) และ 7.ค่าธรรมเนียมในการปรับปรุงประวัติต่างด้าว 80 บาท

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image