กรมแพทย์แผนไทยฯ จับมือ 14 จว. พัฒนา “เมืองสมุนไพร” สร้างรายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 17-18 กันยายน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการการทำแผนปฏิบัติการเมืองสมุนไพรประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีภาคีเครือข่าย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้ทรงคุณวุฒิ มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน รวมทั้งตัวแทนจากเมืองสมุนไพรทั้ง 14 จังหวัด เข้าร่วมหารือแผนยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนเมืองสมุนไพร 14 แห่งทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาและนำสมุนไพรไปสู่การสร้างเศรษฐกิจประเทศ ที่โรงแรมพักพิงอิงทาง อ.เมือง จ.นนทบุรี

นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายขับเคลื่อนและพัฒนาศักยภาพสมุนไพรไทยให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มแก่ประเทศ โครงการพัฒนาเมืองสมุนไพร (Herbal City) เป็นการถ่ายทอดมาตรการและ แผนงานจากแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพร ฉบับที่ 1(พ.ศ.2560-2564) ลงไปสู่การพัฒนาในระดับภูมิภาคโดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจรตั้งแต่ ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ให้สามารถนำสมุนไพรไปใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างการเติบโตของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยอาศัยกลไกประชารัฐและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นกลไกสำคัญ ในการขับเคลื่อนโดยในปีงบประมาณ พ.ศ.2560 มี 4 จังหวัดนำร่อง ได้แก่ เชียงราย ปราจีนบุรี สกลนคร สุราษฎร์ธานี และในปีงบประมาณ 2561 เพิ่มจังหวัดเป้าหมายอีก 9 จังหวัด ได้แก่  พิษณุโลก อุทัยธานี มหาสารคาม สุรินทร์ อำนาจเจริญ สระบุรี นครปฐม จันทบุรี และสงขลา ปี 2562 เพิ่มอีก 1 จังหวัด คือ อุดรธานี รวมทั่วประเทศ 14 จังหวัด

Advertisement

“เพื่อร่วมกันพัฒนารูปแบบเมืองสมุนไพร จึงต้องระดมความคิดเห็นและจัดทำแผนปฏิบัติการเมืองสมุนไพรไทยตามจุดเน้นยุทธศาสตร์เมืองสมุนไพรในด้านต่างๆ เช่น จุดเน้นด้านการเกษตร วัตถุดิบสมุนไพรและอาหาร จุดเน้นด้านอุตสาหกรรมสมุนไพร และจุดเน้นด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ผลจากการระดมความคิดเห็นในครั้งนี้เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการในการดำเนินการพัฒนาเมืองสมุนไพรในระยะงบประมาณ 2563-2565 ร่วมกัน และเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการสร้างกระบวนการในการดำเนินงานเมืองสมุนไพรให้เกิดรูปธรรม นำสมุนไพรไปสู่การสร้างเศรษฐกิจแก่ประเทศและสร้างรายได้แก่เกษตรกรต่อไป” นพ.ปราโมทย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image