เมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแนวทางการดำเนินงานลดความแออัดในโรงพยาบาลโดยร้านขายยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แก่เภสัชกรห้องยา เภสัชกรร้านขายยา (ข.ย.1) โดยมีผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน ร่วมประชุมจำนวนกว่า 500 คน
นพ.ประพนธ์ กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายลดความแออัดของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข เพิ่มความสะดวกบริการประชาชน โดยให้ผู้ป่วยนำใบสั่งยารับยาที่ร้านยาแผนปัจจุบัน (ข.ย.1) ที่ได้มาตรฐาน GPP ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา มีการพัฒนาระบบบริการภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และมีสภาวิชาชีพเภสัชกรรมเป็นผู้กำกับคุณภาพบริการร้านยา โดยจะนำร่องในร้านยา 500 แห่งทั่วประเทศ ที่เป็นเครือข่ายของโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป 50 แห่ง และจะทยอยดำเนินการตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2562 ตามความพร้อมของโรงพยาบาล ซึ่งจะเพิ่มความปลอดภัยในการใช้ยา และลดการครอบครองยาเกินความจำเป็น โดยจากข้อมูลประมาณการในระดับประเทศพบผู้ป่วย 19.2 ล้านคน ครอบครองยาเกินความจำเป็น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางคลัง 2,349 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.7 ของอัตราการบริโภคยาทั้งหมดของประเทศ
“สำหรับเงื่อนไขการรับบริการขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ป่วยเป็นหลัก ยาที่ผู้ป่วยได้รับจากร้านยาต้องเป็นตัวเดียวกันกับที่โรงพยาบาลจ่ายไว้เดิม เน้นผู้ป่วย 4 โรค คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคทางจิตเวช และหอบหืด รวมถึงโรคเรื้อรังที่ไม่มีความซับซ้อนในการดูแล โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เพิ่ม ทั้งนี้ ปัจจุบันมีร้านยาที่ขึ้นทะเบียนตามมาตรฐาน GPP ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (ร้านขายยา ข.ย.1) จำนวน 17,000 แห่งทั่วประเทศ (อ้างอิงจากสมาคมเภสัชกรรมชุมชน) หากร้านยาสนใจเข้าร่วมโครงการประสานงานได้ที่ โรงพยาบาลแม่ข่าย กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเขต ในพื้นที่” นพ.ประพนธ์ กล่าว