‘หมอประกิต’ แนะหยุด ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ จนกว่าจะมีผลวิจัยชี้ชัด ชี้สูบ2-3ปี เสี่ยงปอดอักเสบรุนแรง

เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดของศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (CDC) ซึ่งเก็บข้อมูลเรื่องผู้ป่วยด้วยอาการปอดอักเสบรุนแรง พบว่า มีผู้ป่วย 1,080 ราย ที่สรุปได้ว่าน่าจะป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ในจำนวนนี้ มี 18 ราย ที่เสียชีวิต โดยอายุเฉลี่ยของผู้ป่วย 23 ปี และอายุเฉลี่ยของคนที่เสียชีวิตเกือบ 50 ปี ทั้งนี้ร้อยละ 78 ของผู้ป่วย มีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ผสมน้ำมันสกัดกัญชาด้วย ทำให้สงสัยว่าการผสมสารสกัดกัญชาจะเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ซีดีซีก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นสาเหตุเดียว เนื่องจากยังมีหลายรายที่ไม่ได้ใช้น้ำมันสกัดกัญชา และมีความหลากหลายของยี่ห้อบุหรี่ไฟฟ้าที่ผู้ป่วยแต่ละคนใช้

“จากอัตราการป่วยดังกล่าว ขอเรียกร้องให้คนไทยหยุดสูบบุหรี่ไฟฟ้าจนกว่าจะหาสาเหตุที่แท้จริงได้ว่า การเจ็บป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรง และถึงขั้นเสียชีวิตนั้น เกิดจากสาเหตุใด ทั้งนี้ในรายงานดังกล่าวของสหรัฐ จากการตรวจน้ำล้างปอดในผู้ป่วยปอดอักเสบรุนแรง พบว่าเซลล์เม็ดเลือดขาวที่อยู่ในปอดที่ทำหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในปอด เช่น เชื้อโรค ฝุ่นละออง หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น พบไขมันอยู่ในเซลล์เป็นจำนวนมาก รวมทั้งมีการอักเสบรุนแรงซึ่งทำให้เม็ดเลือดขาวเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่ตามปกติ ทำให้ภูมิต้านทานของปอดลดลงจนเกิดปอดอักเสบได้ง่ายและรุนแรง ทั้งที่ไม่มีเชื้อโรคเข้ามาเกี่ยวข้อง” ศ.นพ.ประกิต กล่าวและว่า ข้อมูลที่น่าสนใจคือ ไขมันที่สงสัยว่าเป็นตัวการที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบรุนแรงในคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ได้มีแหล่งที่มาจากน้ำมันสกัดจากสารกัญชาเท่านั้น แต่น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทุกชนิด ต้องใช้น้ำมันสกัดจากพืช VG Vegetative glycerine ที่สกัดจากถั่วเหลือง มะพร้าว หรือปาล์ม และ PG Propylene glycol เป็นสารละลายเพื่อทำให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเกิดเป็นละอองไอเมื่อถูกความร้อนจากขดลวดอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้า

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า หากผลการตรวจวิเคราะห์สรุปว่า น้ำมันพืชที่ใช้เป็นตัวทำลายในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นตัวการสำคัญ ทุกคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเสี่ยงป่วยด้วยโรคปอดอักเสบรุนแรงได้ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีการเติมสารอื่นในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่ซื้อมา โดยการเติมน้ำมันสกัดจากกัญชาหรือสารอื่นเป็นเพียงตัวเร่งให้เกิดโรคเร็วขึ้น ซึ่งปฏิกิริยาอักเสบรุนแรงของเนื้อปอด ยังสรุปไม่ได้ว่าเกิดจากสารเคมีใด เนื่องจากมีการเติมสารเคมีหลายชนิดในกระบวนการเตรียมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า โดยเฉพาะสารเคมีที่ใช้ปรุงแต่งกลิ่นรสมีนับร้อยชนิด

Advertisement

“ข้อค้นพบใหม่นี้ทำให้ข้ออ้างที่ว่า บุหรี่ไฟฟ้าอันตรายน้อยกว่าบุหรี่ธรรมดายิ่งมีน้ำหนักน้อยลง โดยพบว่า อาการปอดอักเสบรุนแรงที่เกิดในคนสูบบุหรี่ไฟฟ้า แตกต่างจากโรคปอดที่เกิดจากการสูบยาเส้น หรือบุหรี่แบบมวน เช่น โรคถุงลมปอดโป่งพอง มะเร็งปอด วัณโรค หรือปอดอักเสบจากการติดเชื้อโรคอื่นๆ ซึ่งมักจะเกิดในคนที่สูบบุหรี่มานานนับสิบปีขึ้นไป โดยปอดอักเสบจากบุหรี่ไฟฟ้าจะเกิดในผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพียง 2-3 ปี เกิดขึ้นในคนอายุน้อย แข็งแรง แต่จู่ๆ ก็ป่วยอย่างรวดเร็ว และเกิดการอักเสบขึ้นทั่วปอด จนปอดไม่สามารถรับออกซิเจนได้ตามปกติ ทำให้หายใจเร็ว เหนื่อยหอบ และปอดล้มเหลว” ศ.นพ.ประกิต กล่าวและว่า ในรายที่ป่วยด้วยปอดอักเสบหลังจากสูบบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อเข้าสู่ภาวะปอดล้มเหลว ถ้าไม่เข้าไอซียูและใช้เครื่องช่วยหายใจ ก็จะเหนื่อยหอบจนเสียชีวิต และในรายที่รอดมาได้ หลังจากการใช้เครื่องช่วยหายใจเป็นอาทิตย์ ก็ไม่สามารถทำให้ปอดกลับคืนสู่สภาพปกติ โดยพบว่ามีวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่รอดตายจากปอดอักเสบรุนแรงจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า แต่แพทย์ระบุว่า ปอดของผู้ป่วยรายนี้ได้รับความเสียหาย จนสภาพปอดเหมือนคนอายุ 70 ปี

ศ.นพ.ประกิต กล่าวว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในสหรัฐ พบว่า ศ.สแตนตัน กล๊านซ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก เรียกร้องให้องค์การอาหารและยา อเมริกาเรียกคืนใบอนุญาตขายบุหรี่ไฟฟ้าไฮบริด IQOS ที่จะเปิดตัวขายในสหรัฐเร็วๆ นี้ เนื่องพบว่า ควันบุหรี่ IQOS มีสารสกัดน้ำมันพืช ทั้ง PG และ VG ในระดับที่สูงกว่าบุหรี่ธรรมดามากเช่นเดียวกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image