กรณีนายเข็มทอง หรือจืด โมราษฎร์ อายุ 53 ปี กลุ่มเด็กรักป่าสุรินทร์ ที่ปักหลักอดอาหารเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม และเริ่มอดน้ำต่อในวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา อยู่ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพื่อเรียกร้องให้รื้อสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดที่บริเวณน้ำตกเหวนรก และให้ย้ายไปอยู่ฝั่งตรงกันข้ามห่างไปประมาณ 50 เมตร โดยให้เหตุผลว่าบริเวณดังกล่าวเป็นเส้นทางเดิมของช้างป่า เมื่อมีสิ่งปลูกสร้างช้างป่าจึงต้องไปเดินบนหน้าผา ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้ช้างป่า จำนวน 11 ตัว ตกเหวตาย นอกจากนี้ เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์รอบผืนป่าเขาใหญ่ ได้ยื่นแถลงการณ์และข้อเสนอแนะต่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยเสนอการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ควรตรวจสอบและชี้แจงสาเหตุที่ช้างป่าตกเหวนรกให้ชัดเจน 2.อุทยานฯ เขาใหญ่ ต้องปรับปรุงเพนียดกันช้างของเดิมอย่างเร่งด่วน 3.ต้องจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังบริเวณน้ำตกเหวนรกตลอด 24 ชั่วโมง 4.ต้องทบทวนตำแหน่งที่ตั้งจุดบริการนักท่องเที่ยว ว่าเป็นอุปสรรคและกีดขวางทางเดินและการใช้พื้นที่ของช้างป่าหรือไม่ และ 5.ต้องเปิดเวที หรือจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อจัดทำแผนแม่บทการจัดการอุทยานฯเขาใหญ่จากการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ กล่าวถึงข้อเรียกร้องของเครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์รอบผืนป่าเขาใหญ่ รวมทั้งนายจืด เข็มทอง ที่ยอมอดข้าวอดน้ำ ว่า ต้องดูว่าข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นอย่างไร โดยจะพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป อะไรที่เป็นประโยชน์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ จะดำเนินการให้ ซึ่งทุกข้อเรียกร้องจะต้องมาร่วมหารือกันก่อน เพื่อให้การปฏิบัติจริงเป็นไปอย่างถูกต้องและต้องคำนึงถึงหลักวิชาการ ซึ่งได้มอบหมายให้นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ เป็นประธานการประชุมร่วมกับเครือข่ายอนุรักษ์รอบผืนป่าเขาใหญ่ และจากทุกภาคส่วน เพื่อป้องกันและหาแนวทางแก้ไข ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีกในอนาคต
ขณะที่นายวิชัย พรลีแสงสุวรรณ์ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ (สบอ.) ที่ 1 (ปราจีนบุรี) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือช้างป่าตกน้ำตกเหวนรก กล่าวว่า วันนี้นายเข็มทอง หรือจืด โมราษฎร์ ได้ยุติการอดอาหารและน้ำแล้ว เพราะอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้สั่งการให้มีการประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาช้างตกเหว โดยการประชุมจะจัดขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ เวลา 10.00 น. ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
