“หมอ” เตือนระวัง! “พยาธิปากขอ-เส้นด้าย” ไชผิวหนัง แนะสวมรองเท้าเวลาเดินเสมอ

วันที่ 18 ตุลาคม นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีโซเชียลมีเดียแชร์เรื่องของพยาธิสตรองจิลอยด์ (Strongyloidiasis) ไชเข้าผิวหนังคนเดินเท้าเปล่า ลามไปอวัยวะสำคัญจนติดเชื้อถึงแก่ชีวิตได้ ว่า โรคพยาธิชอนไชผิวหนัง เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากพยาธิตัวกลมระยะตัวอ่อนที่ชอนไชเข้าสู่ผิวหนัง โดยมักเกิดจากพยาธิปากขอและพยาธิเส้นด้ายของสัตว์ ที่พบบ่อย คือ แมว สุนัข วัว และควาย แต่เนื่องจากไม่ใช่ที่อยู่ของพยาธิเหล่านี้ ทำให้พยาธิไม่สามารถเติบโตเป็นตัวแก่ในคนได้  จึงไชอยู่ในผิวหนังจนตายไปเอง หรือภูมิต้านทานของร่างกายมาจัดการ หรือจากการรักษา ต่างจากพยาธิตัวจิ๊ด การเคลื่อนที่ตัวอ่อนของพยาธิตัวจี๊ดจะอยู่ในผิวหนังชั้นลึกกว่า จึงทำให้เกิดอาการบวมแดง อักเสบ และปวด ย้ายที่ไปมา

 

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า พยาธิตัวอ่อนในระยะติดต่อพบในดินที่ชื้นแฉะที่ปนเปื้อนมูลสัตว์ และจะไชเข้าสู่ผิวหนังปกติ หรือผิวที่มีแผล ในคนที่เดินเท้าเปล่า หรือเด็กที่นั่งเล่นบนพื้นดิน หรือทรายบริเวณชายหาด  อาการของผู้ที่ถูกพยาธิไชผิว คือ ผื่นบริเวณมือ เท้าหรือก้นที่สัมผัสกับดินทรายโดยตรง เห็นเป็นเส้นนูน แดง หรือตุ่มน้ำใส  ขนาดประมาณ 3 มิลลิเมตร (มม.) และอาจยาวถึง 20 เซนติเมตร (ซม.) คดเคี้ยวไปมาตามการไชของพยาธิ ซึ่งจะเคลื่อนที่ได้วันละ 2-3 มม. ถึงหลายเซนติเมตร มีอาการคันมาก อาการทางผิวหนังมักจะเกิดใน 1-5 วันหลังสัมผัส และคงอยู่ได้นาน 2-14 สัปดาห์หรือนานเป็นปี

Advertisement

“อาการอื่นๆ ที่อาจพบในผู้ป่วยบางราย เช่น อาการทางปอด เช่น ไอ หรือ ผื่นลมพิษ การรักษาใช้ยาฆ่าพยาธิ ชนิด albendazole 400 มิลลิกรัม (มก.) ต่อวัน นาน 3 วัน หรือ ivermectin รับประทานครั้งเดียว เป็นการรักษาที่ได้ผลดี เนื่องจากในประเทศไทยพบอัตราการเป็นโรคพยาธิปากขอสูงในแมวและสุนัข จึงมีโอกาสที่พยาธิปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมมาก ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือ ไม่ให้พยาธิไชเข้าร่างกาย จะต้องสวมรองเท้าเวลาเดินเสมอ และหลีกเลี่ยงการนั่งหรือสัมผัสบนดิน ทราย ที่อาจมีการปนเปื้อนมูลสัตว์ และควรถ่ายพยาธิให้แมวและสุนัขเพื่อไม่ให้มีการแพร่ปรสิตสู่ดิน” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image