ปัดฝุ่นตำรับยาแผนไทย “วัดโพธิ์” มีกัญชาเป็นส่วนผสมใช้ประโยชน์ ทางการแพทย์แผนไทย
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม พระราชรัตนสุนทร ผู้แทนเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร ร่วมกับ นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.นำพล แดนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ภก.ปรีดา ตั้งตรงจิตร ผู้อำนวยการโรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และ นายนันทศักดิ์ โชติชนะเดชาวงศ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านไทย แถลงจัดงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ประจำปี 2562
นพ.มรุต กล่าวว่า รัฐบาลกำหนดให้ วันที่ 29 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ” เพื่อสดุดี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 “พระบิดาแห่งการแพทย์แผนไทย” สำหรับงานสัปดาห์วันภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยแห่งชาติ ประจำปี 2562 ได้จัดขึ้น ณ บริเวณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร หรือวัดโพธิ์ ระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2562 เวลา 09.00 น. – 17.00 น.
“ปีนี้มีเรื่องเด่นที่ต้องการนำเสนอไปสู่สาธารณะเพื่อการใช้ประโยชน์คือ สูตรตำรับยาของชาติจากจารึกวัดโพธิ์ ที่มีกัญชาเป็นส่วนผสม 9 ตำรับได้แก่ ยาอัคคินีวคณะ แก้คลื่นเหียนอาเจียน ที่เกิดจากไฟย่อยอาหารผิดปกติ ยาน้ำมันสนั่นไตรภพ แก้กษัยเหล็ก หรืออาการท้องแข็งเป็นดาน ยาแก้ลมขึ้นสูง ที่มีอาการอ่อนเพลีย หน้ามืด หูอื้อ ยาธรณีไหว แก้ริดสีดวง หืด ไอ ยาแก้อุทธังคมาวาตา แก้ลมอุทธังคมาวาตา ยานาดธิจร แก้ริดสีดวงผอมเหลือง ซึ่งทำให้กินอาหารเผ็ดร้อนไม่ได้ ยาสิทธิจร แก้ริดสีดวงทางเดินหายใจ มีอาการหืด ไอ ยาแก้กระษัยทัน แก้อาการจุกเสียด และยาแก้ลมวาระยักษวาโย แก้ลมที่ทำให้เกิดอาการจุกเสียดชายโครงและจุกอก เนื่องจากกินอาหารแสลงโรคหรือแสลง ธาตุลม เป็นต้น” นพ.มรุต กล่าว
นพ.มรุต กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2562 (ฉบับที่ 7) อนุญาตให้สามารถนำกัญชาและกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยในประเทศไทย เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว คล่องตัว มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนการนำกัญชา และกระท่อมมาใช้ในทางการแพทย์แผนไทยอย่างเป็นระบบ มีความเหมาะสม รัดกุม เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นไปตามหลักวิชาการและกฎหมาย ป้องกันมิให้มีการรั่วไหลไปใช้ในทางที่ผิดจากวัตถุประสงค์
