องค์การเภสัชฯผลิต ‘ชุดทดสอบ’ สารกำจัดแมลงเฝ้าระวัง ‘ผัก-ผลไม้’ ให้ผู้บริโภค

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นพ.วิฑูรย์ ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยว่า อภ.ได้ผลิต “ชุดตรวจคัดกรองสารเคมีกำจัดแมลงในผักผลไม้และธัญพืช 2 กลุ่ม (GPO-M Kit) และชุดตรวจหาชนิดสารเคมีกำจัดแมลงในผักผลไม้และธัญพืช 4 กลุ่ม (GPO-TM Kit) โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อให้เป็นเครื่องมือของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนนำไปเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และติดตามการปนเปื้อนของสารเคมีกำจัดแมลงในผัก ผลไม้ สำหรับชุดตรวจคัดกรองสารเคมีกำจัดแมลงในผักผลไม้และธัญพืช (GPO-M Kit) ใช้ตรวจสารเคมีแมลง 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต และกลุ่มคาร์บาเมต และชุดตรวจหาชนิดสารเคมีกำจัดแมลงในผัก ผลไม้ และธัญพืช (GPO-TM Kit) ใช้ตรวจสารเคมีแมลงได้ 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต กลุ่มคาร์บาเมต กลุ่มออร์กาโนคลอรีน และกลุ่มไพรีทรอยด์ ในการสุ่มตรวจตามด่านอาหารและยา รวมถึงตลาดสด และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค

“องค์การเภสัชฯมีความห่วงใย ใส่ใจผู้บริโภคเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หวังที่จะให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ก็ได้มีการรณรงค์มาอย่างต่อเนื่อง และลงพื้นที่ตรวจสอบสารปนเปื้อนในพืชผัก ผลไม้ เพื่อป้องกันและลดปริมาณสารปนเปื้อนในผัก ผลไม้ให้เป็นไปตามมาตรฐานอยู่เป็นประจำ เพราะหากมีสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานจะมีผลกระทบต่อสุขภาพทั้งเกษตรกรผู้ปลูก และผู้บริโภค รวมถึงถ้าได้รับสารเคมีสะสมเป็นเวลานานๆ จะทำให้เกิดพิษต่อระบบประสาท ระบบทางเดินอาหาร ระบบหัวใจและหลอดเลือดในกรณีรุนแรง” นพ.วิฑูรย์กล่าว

ทั้งนี้ จากผลการตรวจสารเคมีกำจัดศัตรูพืชตกค้างในผักและผลไม้ ประจำปี 2562 ของเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช หรือไทยแพน ระบุว่า จากการเก็บตัวอย่างผัก ผลไม้ ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม-วันที่ 5 เมษายน 2562 ณ ห้างโมเดิร์น เทรดชั้นนำ รวมไปถึงตลาดสดในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีก 15 แห่ง ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ขอนแก่น ยโสธร สระแก้ว จันทบุรี ราชบุรี และสงขลา โดยแบ่งเป็นผัก 15 ชนิด ชนิดละ 12 ตัวอย่าง (ยกเว้นกระเทียมจีนที่เก็บเพียง 10 ตัวอย่าง) รวม 178 ตัวอย่าง เช่น กวางตุ้ง คะน้า กะเพรา พริก กะหล่ำดอก ผักชี มะเขือเปราะ เป็นต้น และผลไม้อีก 9 ชนิด ชนิดละ 12 ตัวอย่าง รวม 108 ตัวอย่าง เช่น ส้ม ชมพู่ ฝรั่ง องุ่น มะละกอสุก แก้วมังกร แอปเปิล มะม่วงสุก และกล้วยหอม รวมทั้งสิ้นเป็นผักและผลไม้จำนวน 287 ตัวอย่าง ก่อนจะส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO-17025 ที่สหราชอาณาจักร ผลการวิเคราะห์พบว่า ผัก 178 ตัวอย่าง มีจำนวนตัวอย่างร้อยละ 40 ที่มีสารเคมีตกค้างเกินกว่ามาตรฐานร้อยละ 16 พบสารเคมีตกค้างแต่ไม่เกินมาตรฐาน และร้อยละ 44 ไม่พบสารเคมีตกค้าง ในรายละเอียดผักที่พบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานในตัวอย่างมากที่สุดคือ กวางตุ้ง พบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน 10 ตัวอย่าง รองลงมาคือคะน้า กะเพรา ผักชี พริก กะหล่ำดอก ผักชี

Advertisement

ขณะที่ผลไม้ ที่พบการตกค้างมากที่สุดคือ ส้ม ที่พบสารเคมีตกค้างในทุกตัวอย่าง รองลงมาคือ ชมพู่ ฝรั่ง องุ่น โดยพบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐาน และถ้าเปรียบเทียบระหว่างผักและผลไม้ที่ปลูกในประเทศกับผลไม้นำเข้าพบว่า ผลไม้นำเข้าพบการตกค้างร้อยละ 33.3 แต่ที่ผลิตในประเทศพบสารพิษตกค้างเกินมาตรฐานสูงถึงร้อยละ 48.7 ทั้งนี้ มีสารพิษกำจัดศัตรูพืชที่ตกค้างมากที่สุด คือ สารฆ่าเชื้อรา รองลงมา คือ ไซเปอร์เมทริน อิมิดาคลอร์ฟริด เอซอกซิสโตรบิน คลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารพิษที่กระทบสมองของเด็ก อีกทั้งยังพบสารคาร์เบนดาซิม (carbendazim) เมทามิโดฟอสคาร์โบฟูราน อีกด้วย

จากการศึกษาพบว่า น่าจะมาจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต ก่อนระยะเก็บเกี่ยว หลังจากการใช้สารพิษกำจัดแมลงทำให้สารพิษยังสลายตัวไม่หมด การใช้สารพิษกำจัดแมลงในปริมาณมากเกินจำเป็น หรือใช้ร่วมกันหลายชนิด และพื้นที่เพาะปลูกที่ใช้สารเคมี มีสารพิษตกค้างอยู่ในดินและน้ำ ซึ่งจะสะสมอยู่ในผักผลไม้ที่ปลูก สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ระบุรอบ 10 เดือน (ตุลาคม 2561-กรกฎาคม 2562) มีผู้ป่วยจากพิษสารเคมีปราบศัตรูพืชเข้ารักษา 3,067 ราย เสียชีวิต 407 ราย ปี 2559-2561 เจ็บป่วยเฉลี่ยปีละกว่า 4 พันราย ปี 2559-2562 เสียชีวิต 2,193 ราย

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image