“อนุทิน” เล็งทบทวนการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ “13 เมษาฯ”

เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ ครั้งที่ 2/2562 โดยมี นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

นายอนุทิน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดปัญหาอุบัติเหตุทางถนนช่วงปีใหม่ 2563 เนื่องจากในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีพบว่า มีจำนวนอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจำนวนมาก ขณะที่ช่วงเทศกาลเข้าพรรษาจะพบน้อยกว่าช่วงอื่นๆ โดยเทศกาลปีใหม่ 2562 เกิดอุบัติเหตุ 3,791 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 463 คน ร้อยละ 43.66 มีสาเหตุจากการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นการลดปัจจัยเสี่ยง หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนต้องบูรณาการการทำงาน เน้นการบังคับใช้กฎหมาย จัดทำแผนปฏิบัติการตามบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบ กำหนดระดับความเสี่ยงของพื้นที่ เตรียมความพร้อมก่อนเทศกาล โดยชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการ ร้านค้า และผู้จัดกิจกรรมปีใหม่ทุกรายให้ทราบกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่าย การบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขอความร่วมมือให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จัดทำแผนป้องกันการ ทะเลาะ วิวาท หรือการบาดเจ็บจากการดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่จัดงานประกอบการขออนุญาตทุกครั้ง รวมทั้งให้ส่วนราชการจัดงานเลี้ยงปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อเป็นแบบอย่างที่อย่าตกเป็นเครื่องมือการตลาด เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551

ผู้สื่อข่าวถามถึงการออกคำสั่งห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันที่ 13 เมษายน หรือวันสงกรานต์ นายอนุทิน กล่าวว่า เน้นเฉพาะเรื่องของการห้ามขาย แต่ไม่มีการห้ามดื่ม

“เรื่องนี้จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้ถึงอันตรายในการเสพสุรา และเราต้องไปพิจารณาใหม่ เราจะทำอะไรก็ต้องให้ได้ผล คณะกรรมการแอลกอฮอล์เป็นคนของสาธารณสุขล้วนๆ เรารับผิดชอบได้” นายอนุทิน กล่าวและว่า สำหรับมาตรการช่วงเทศกาลปีใหม่ มีการตั้งชุดเฉพาะกิจร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน หรือด่านชุมชน จัดทีมเชิงรุกร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ป้องกันและแยกผู้ดื่มแอลกอฮอล์ในชุมชนไม่ให้ขับขี่ยานพาหนะ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปรียบเทียบปรับผู้กระทำความผิดเต็มตามที่กฎหมายกำหนด และขอความร่วมมือกรมคุมประพฤติให้เพิ่มมาตรการในการส่งต่อผู้กระทำความผิดฐานเมาแล้วขับที่ถูกศาลสั่งคุมความประพฤติทุกรายที่ยินยอม เพื่อเข้ารับการบำบัดที่สถานพยาบาลของ สธ.ทุกแห่ง

Advertisement

นายอนุทิน กล่าวว่า กรณีพบผู้บาดเจ็บจากอุบัติทางถนนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และสงสัยว่าดื่มสุรา ให้ส่งเจาะเลือดตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด หรือเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์ทางลมหายใจทุกราย รวมทั้งสอบถามถึงสถานที่ที่จำหน่ายและดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ทั้งนี้ พื้นที่จุดเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังเป็นกรณีพิเศษ ได้แก่ ผับ บาร์ ร้านค้า ลานเบียร์ ร้านอาหารที่มีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เวทีคอนเสิร์ต งานมหกรรมต่างๆ แหล่งท่องเที่ยว พื้นที่จัดงานเฉลิมฉลองบ้านหรือครัวเรือนที่ตั้งวงดื่มในหมู่บ้าน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image