สธ.ดันแนวคิด ‘บ้านปลอดภัย…สังคมไร้ความรุนแรง’ เผยสถิติเด็กถูกกระทำเพิ่มขึ้น

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า เนื่องในวันที่ 25 พฤศจิกายนของทุกปี ได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติ ให้เป็น “วันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล” ตั้งแต่ปี 2542 และสำหรับประเทศไทย มีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือน “รณรงค์ยุติความรุนแรง ต่อเด็กและสตรี” โดยจะมีการรณรงค์ตลอดเดือนให้สังคมได้ตระหนักและร่วมกันป้องกันความรุนแรง ที่จะเกิดต่อเด็กและสตรีในครอบครัว รวมไปถึงความรุนแรงในสังคมทุกรูปแบบ ปีนี้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีการจัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “Safety Home… Safety Society: บ้านปลอดภัย…สังคมไร้ความรุนแรง” ซึ่งมุ่งส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข และมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ให้บ้านเป็นสถานที่ที่ให้ความรัก ความอบอุ่น อบรมเลี้ยงดู สร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์ที่สังคมต้องการ ส่งผลให้สมาชิกเป็นคนที่มีคุณภาพ เป็นคนดีของสังคม เมื่อคนทุกคนในทุกครอบครัวเป็นคนดี จะทำให้ประเทศชาติพัฒนาไปในทางที่ดี โดยศูนย์พึ่งได้ ในโรงพยาบาลที่สังกัดกรมการแพทย์ สามารถนำแนวคิดนี้มาใช้ในการทำงานช่วยเหลือ ป้องกันการกระทำรุนแรงในครอบครัวได้

นพ.อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า ในฐานะสถานพยาบาล มีหน้าที่รักษาและให้ความคุ้มครองเด็กที่ถูกกระทำรุนแรง โดยมีศูนย์พึ่งได้ หรือ OSCC เป็นหน่วยงานหลักในการดูแลเด็กกลุ่มนี้ ตั้งแต่จัดตั้งศูนย์พึ่งได้ ในปีงบประมาณ 2547-2562 มีเด็กเข้ารับบริการทั้งหมด 1,252 ราย จากสถิติพบว่ามีการใช้ความรุนแรงต่อเด็กเพิ่มขึ้นและเป็นการกระทำความรุนแรงจากบุคคลในครอบครัวด้วยกัน โดยมีกิจกรรมเกี่ยวกับฐานการให้ความรู้กับผู้ป่วยและญาติแบบมีส่วนร่วม กิจกรรมการ์ดจากใจเด็กสู่พ่อแม่ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัว กิจกรรมการตอบปัญหาความรุนแรงในเด็ก กิจกรรมการตอบปัญหาชิงรางวัลจากโปสเตอร์นิทรรศการ

“กิจกรรมในวันนี้จะเป็นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และการตระหนักถึงความรุนแรงต่อเด็ก ตลอดจนมีการเผยแพร่ความรู้เรื่องการเลี้ยงดูเด็กของครอบครัวให้มีประสิทธิภาพและส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัวเพื่อยุติความรุนแรง ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์และนำไปปรับใช้ได้จริงในครอบครัว และกับบุคคลอื่นในสังคม อันจะนำไปสู่การทำให้สังคมไร้ความรุนแรงได้ในระยะยาว” นพ.อดิศัย กล่าว

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image