แนะสวม ‘หน้ากากอนามัย-แว่นตา’ ออกจากบ้านป้องกัน “ฝุ่นจิ๋ว”

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ประเทศไทยมักจะประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (พีเอ็ม 2.5) สูงเกินค่ามาตรฐานในบางพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และยังเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ กรมควบคุมโรค ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันควบคุมโรค (สคร.) ทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างใกล้ชิด รวมถึงลงพื้นที่ให้ความรู้ สื่อสารความเสี่ยง ให้คำแนะนำวิธีป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก แก่ประชาชนได้ตระหนักและสามารถดูแลป้องกันตนเองได้อย่างเหมาะสม ร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่เพื่อติดตามดูแลผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และดำเนินการตามมาตรการต่างๆ

นพ.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด หอบหืด ภูมิแพ้ หากได้รับมลพิษจากฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยหรือมีผลกระทบต่อสุขภาพที่รุนแรงมากกว่าประชาชนทั่วไป และควรสังเกตอาการใน 4 กลุ่มโรคสำคัญ ได้แก่ 1.กลุ่มโรคหัวใจ และหลอดเลือด เช่น เหนื่อยง่าย หัวใจเต้นเร็ว 2.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล แสบจมูกและลำคอ 3.กลุ่มโรคผิวหนังอักเสบ เช่น อาการคันตามร่างกาย มีผื่นแดงตามร่างกาย และ 4.กลุ่มโรคตาอักเสบ เช่น อาการแสบหรือคันตา น้ำตาไหล และตาแดง หากสงสัยหรือมีอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว

“ประชาชนควรสังเกตและตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ เพื่อประเมินความเสี่ยงในการสัมผัสฝุ่นละอองอย่างเหมาะสม โดยสามารถติดตามสถานการณ์ค่าปริมาณฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5 ได้ที่แอพพลิเคชั่น Air4Thai ของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และขอให้ประชาชนลดการเพิ่มปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ เช่น ลดการใช้รถยนต์ การเผาขยะ รวมถึงดูแลทำความสะอาดบ้านให้ปลอดฝุ่น ปิดประตู ปิดหน้าต่างให้มิดชิด ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรออกนอกบ้านหรือทำกิจกรรมนอกบ้าน เช่น ทำงานกลางแจ้ง ออกกำลังกาย โดยเฉพาะบริเวณหรือเส้นทางที่มีฝุ่นขนาดเล็กหนาแน่น หากจำเป็นควรป้องกันการสัมผัสฝุ่นให้น้อยที่สุด โดยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์ ควรสวมหน้ากาก สวมแว่นตา เสื้อแขนยาว เพื่อป้องกันฝุ่น เพราะฝุ่นจะทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนังขณะเดินทางได้ ประชาชนสามารถสอบถามได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422” นพ.ขจรศักดิ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image