จับแล้ว 3 รีสอร์ตชื่อดังม่อนแจ่ม ผู้ถือหุ้นเป็นชาวจีน -ซินแสดัง(ชมคลิป)

จับแล้ว 3 รีสอร์ตชื่อดังม่อนแจ่ม ผู้ถือหุ้นเป็นชาวจีน -ซินแสดัง

จับแล้ว 3 รีสอร์ต ม่อนแจ่ม “บ้านม่อนม่วน” “บ้านม่อนจ้อ” และ “Rai Nai” ก่อสร้างบนสันเขาตรวจสอบพบถือครองในนามบริษัท ขณะที่ผู้ถือหุ้น 3 คนแรกของชาวจีน อีกรายเจ้าของเป็นนายทุนจากกรุงเทพฯ จับกุมดำเนินคดี สั่งรื้อสิ่งปลูกสร้าง 12 รายรุกล้ำออกนอกพืี้นที่ที่ได้รับการจัดสรรพร้อมปักป้ายยุติและสั่งห้ามการก่อสร้างทั้งหมดในพื้นที่ม่อนแจ่มทั้งบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต ร้านกาแฟขนาดใหญ่ และ สถานบริการนักท่องเที่ยวอื่นๆ

กรณี “ป่าม่อนแจ่ม” แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในโครงการหลวงหนองหอย ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่ริม อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่จัดสรรของกรมป่าไม้ ให้กับชาวบ้านทำการเกษตรกลายสภาพเป็นรีสอร์ต บ้านพักตากอากาศ ทั้งยังถูกบุกรุกเพิ่มกว่า 2 พันไร่แถมมีการลักลอบขุดบ่อขยะในพื้นที่ป่าต้นน้ำเพื่อเอาขยะไปทิ้งนั้น

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผู้อำนวยการสำนักป้องกันรักษาป่าและควบคุมไฟป่าและที่ปรึกษาชุดปฎิบัติการพิเศษพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้ นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ป่าม่อนแจ่ม ตั้งอยู่บนสันเขาบริเวณหมู่บ้านม้งหนองหอย เขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ หลังพบการบุกรุกขยายพื้นที่การใช้ประโยชน์ นอกเหนือจากที่ได้รับอนุญาต โดยเมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ได้ทำการติดป้ายประกาศเขตควบคุมป่าสงวนแห่งชาติเพื่อให้ยุติการก่อสร้างทั้งหมดในลักษณะบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต หรือร้านกาแฟขนาดใหญ่ หรือ สถานบริการนักท่องเที่ยวอื่นๆ ท้องที่บ้านปางไฮ หมู่ที่ 4 บ้านหนองหอยเก่า หมู่ที่ 7 บ้านหนองหอยใหม่ หมู่ที่ 11 ต.แม่แรม และบ้านโป่งแยงนอก หมู่ที่ 2 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ซึ่งทั้งหมดอยู่ในพื้นที่ 2,000 ไร่ที่ถูกบุกรุก โดยไม่มีชาวบ้านในพื้นที่คัดค้าน

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ คัดกรองชาวบ้านที่ได้รับสิทธิการจัดสรรที่ดินทำกินจากกรมป่าไม้ ตั้งแต่ ปี 2551 และมติ ครม. วันที่ 30 มิ.ย.2541 เพื่อตรวจสอบว่ามีการซื้อขายเปลี่ยนมือไปเป็นของนายทุนหรือคนนอกพื้นที่หรือไม่ จากจำนวน 50 รายที่ได้รับสิทธิ ปรากฎว่า มีการซื้อขายเปลี่ยนมือและไม่มีเอกสารสิทธิทำกิน จำนวน 2 ราย คือ บ้านม่อนม่วน ต.โป่งแยง ซึ่งเป็นรีสอร์ตชื่อดัง ตั้งยาวอยู่บนเนินเขา จากการตรวจสอบพบถือครองในนามบริษัท ขณะที่ผู้ถือหุ้น 3 คนแรกของชาวจีน จึงจับกุมดำเนินคดี ต่อมา คือ บ้านม่อนจ้อ เป็นที่พักที่ตั้งอยู่บนเนินเขาม่อนแจ่ม เช่นกัน เจ้าของเป็นนายทุนจากกรุงเทพฯ จากการตรวจสอบพบไม่มีเอกสารสิทธิจึงได้จึงจับกุมดำเนินคดีเชนเดียวกับ บ้าน Rai Nai รีสอร์ตชื่อดังโดยเจ้าของจากการตรวจสอบพบว่าเป็นซินแสชื่อดัง

ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบบ้านพักของชาวบ้าน จำนวน 50 ราย ที่ได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินจากกรมป่าไม้ พบว่ามีการก่อสร้างเพิ่มออกมาจากพื้นที่ที่ได้รับการจัดสรร จำนวน 12 ราย โดยชาวบ้านอ้างว่า เป็นการต่อเติมมาจากคนรุ่นก่อนๆ จึงสั่งการให้มีการรื้อถอน ซึ่งชาวบ้านบินดีที่จะรื้อถอนต่อไป

นายชีวะภาพ กล่าวว่า กรมป่าไม้ ห้ามไม่ให้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมโดยเด็ดขาด หากมีการก่อสร้างใหม่ จะจับกุมและดำเนินคดี และหมดสิทธิ์ในที่ดินที่ทางรัฐจะจัดสรรให้ทำกิน และ ได้ทำการคัดกรองและตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่เข้าไปครอบครองทำประ โยชน์ในป่าม่อนแจ่ม เบื้องต้นพบ 2 ราย คือบ้านม่อนม่วน และ บ้านม่อนจ้อ ซึ่งเป็น 2 รีสอร์ตชื่อดังเข้ามาปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาติ และมีที่ดำเนินคดีไปแล้ว 4 ราย รวมเป็น 7 ราย ขณะที่นายทุนบางส่วนอาศัยชาวบ้านที่ได้สิทธิทำกินโดยจ้างให้เป็นนอมินี เพื่อเปิดทางให้กลุ่มนายทุนเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ในเขตป่าสงวนฯ ซึ่งถ้าพบชาวบ้านทำผิดกติกา จงใจไม่ปฎิบัติตามกฎหมาย จะถูกตัดสิทธิทำกินโดยไม่มีข้อยกเว้น ส่วนแผนการจัดการระยะยาว จะมีการสำรวจโดยละเอียด เพราะการประกอบกิจการรีสอร์ตเกี่ยวกับกฎหมายหลายฉบับ นอกจากกฎหมายป่าสงวน พื้นที่ลุ่มน้ำ 1 และ 2 ยังมีเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ พ.ร.บ.โรงแรมฯ ซึ่งจะอธิบายให้ชาวบ้านได้เข้าใจว่าจะทำให้ถูกต้องตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่