‘อธิบดีป่าไม้’ ตั้งทีมสอบข้อเท็จจริงเลิกจ้างจนท.พิทักษ์ป่ายะลา ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

จากกรณีที่มีลูกจ้างกรมป่าไม้ ประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ยะลา 1-3 (3 หน่วยงาน) ได้รวมกันยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) อ.เมือง จ.ยะลา จากเหตุการณ์ถูกเลิกจ้างจากตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า โดยให้เหตุผลว่าไม่มีงบประมาณในการจ้างให้ทำงานต่อ ส่งผลให้ต้องตกงาน และมาทราบภายหลังว่าทางเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับบัญชา ในหน่วยต้นสังกัดมีการเปิดรับสมัครลูกจ้างรายใหม่ ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกันเพื่อแทนที่คนที่โดนเลิกจ้าง นอกจากนี้ ยังกล่าวว่ามีการเรียกเก็บค่าเข้าทำงาน จึงได้มาร้องเรียนให้ดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้กระจ่างและขอให้ย้ายข้าราชการ 2 ราย ออกจากพื้นที่ เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างเงื่อนไขให้เกิดขึ้นในพื้นที่

เมื่อวันที่ 4 มกราคม นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ทราบเรื่องร้องเรียนที่เป็นความเดือดร้อนของพนักงานจ้างเหมา (TOR) ตำแหน่งเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าดังกล่าวแล้ว และ กรมป่าไม้ได้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าว โดยมีนายธวัชชัย รัชกูด ผู้ตรวจราชการกรมป่าไม้ เป็นประธานคณะทำงาน ทั้งนี้อธิบดีกรมป่าไม้ได้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมกันนี้ได้มอบให้ นายจิระศักดิ์ ชูความดี รองอธิบดีกรมป่าไม้ ลงพื้นที่เพื่อรับทราบปัญหาและแก้ไขในเบื้องต้นอีกทางหนึ่ง

“โดยกรมป่าไม้ได้รับรายงานเบื้องต้นจากสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 13 สาขานราธิวาส แจ้งเหตุผลว่า พนักงานจ้างเหมาที่ถูกเลิกจ้าง เนื่องจากบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับคดีไม้ของกลางสูญหายและร่วมกันกระทำผิดกฎหมายป่าไม้ โดยมีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ซึ่งในขณะนี้อยู่ในชั้นสืบสวนของพนักงานสอบสวน ต่อมาบันทึกข้อตกลงในการจ้างเหมาซึ่งกำหนดการจ้างงานครั้งละ 4 เดือน ได้สิ้นสุดลง หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าจึงไม่ทำบันทึกข้อตกลงในการจ้างเหมาให้ปฏิบัติงานต่อเนื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากพนักงานจ้างเหมาดังกล่าว ไม่ปฏิบัติงานตามข้อตกลงในสัญญาจ้างเหมาได้ทำไว้ โดยไม่มาปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งนี้ผู้บังคับบัญชาได้มีการแจ้งตักเตือนให้ปรับปรุงในการปฏิบัติหน้าที่หลายครั้งด้วยกัน จึงเป็นเหตุให้ไม่มีการจ้างปฏิบัติงานต่อกับพนักงานจ้างเหมารวม 6 ราย” นางนันทนา กล่าว

โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวต่อไปว่า สำหรับในประเด็นการเรียกรับเงินเพื่อแลกกับการได้เข้ามาปฏิบัติงาน
ในหน่วยป้องกันรักษาป่านั้น ในเรื่องนี้ต้องมีการสอบข้อเท็จจริงจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกรายต่อไป และอธิบดีกรมป่าไม้แจ้งว่า ถ้าตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบผู้ที่กระทำผิดต้องลงโทษสถานหนักทางวินัย นอกจากนี้ หากบุคคลใดที่ให้ข้อความหรือข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และทำให้เสื่อมเสียแก่กรมป่าไม้ ทำให้กรมป่าไม้ได้รับความเสียหายก็จะแจ้งความดำเนินคดีด้วยเช่นกัน

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image