กรมอุทยาน-ป่าไม้ รับนทท.บุกดูกระทิง เขตห้ามสัตว์ป่าเขาแผงม้า เหตุจนท.ดูแลไม่ทั่วถึง

เมื่อวันที่ 15 มกราคม ที่เขตรักษาพันธ์ุสัตว์ป่าเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำโดยนายสิทธิชัย เสรีส่งแสง ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ (สบอ.) 7 นครราชสีมา นายสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานฯ พร้อมด้วยนายมนตรี มะลิทอง ผอ.ส่วนจัดการป่าไม้ นายชยุต วราพิริยะกุล หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้ วังน้ำเขียว นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามข้อเท็จจริงกรณีวัดดังจัดทัวร์ดูกระทิง การทำถนนไปดูกระทิงและการซื้อขายที่ดินบริเวณเขาแผงม้า โดยได้มีการนำสื่อลงตรวจสอบจุดที่เจ้าอาวาสวัดดังเข้าไปดูกระทิง ซึ่งพบว่าบริเวณประตูทางเข้ามีเจ้าหน้าที่คอยรักษาการณ์ดูแลคนเข้าออกอย่างเข้มงวด


โดยนายสิทธิชัย แถลงว่า จากกรณีข่าวทัวร์วีไอพีเข้าพื้นที่เขาแผงม้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนั้น ทางกรมอุทยานฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วได้ข้อสรุปว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. เวลา 18.00 น. มีรถของวัดพาญาติโยมเข้าพื้นที่ซึ่งเป็นเส้นทางตรวจการของเจ้าหน้าที่ แต่มีการออกนอกเส้นทาง โดยขึ้นไปบริเวณทุ่งหญ้าเนินเขาที่เป็นแหล่งหากินของกระทิง ซึ่งในข้อเท็จจริงทางวัดได้มีการประสานเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าพื้นที่ติดตามกิจกรรมที่ทางวัดได้ดำเนินการร่วมกับเขตรักษาพันธุ์ฯ ในเรื่องการบริหารจัดการแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของกระทิง ซึ่งในวันดังกล่าวมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ดูแลได้ไม่ทั่วถึง จึงไม่ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าไปกำกับควบคุม และมีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวออกมาจนกลายเป็นประเด็น ซึ่งหลังจากนั้นได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดในเรื่องนี้แล้ว พร้อมกับประสานกับทางวัดและทุกฝ่ายการจะเข้าเขตห้ามล่าฯ ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเข้มงวดและต้องได้รับอนุญาตจากหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์ฯ ด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้ลงบันทึกประจำวันไว้ และหากยังมีการฝ่าฝืนก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทางวัดได้ทำงานร่วมกับเขตห้ามล่าฯ มากว่า 10 ปี ในเรื่องการดูแลแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งอาหารของกระทิง และฟื้นฟูสภาพพื้นที่จนกลับมามีความสมบูรณ์อย่างในปัจจุบัน ทั้งนี้พื้นที่เขตห้ามล่าฯ เขาแผงม้ามีเนื้อที่ทั้งหมด 5,000 ไร่ เชื่อมต่อกับพื้นที่อุทยานฯ เขาใหญ่ มีกระทิงอาศัยอยู่ในพื้นที่ประมาณ 300 ตัว จากเดิมที่มี 100 กว่าตัว และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งในการบริหารจัดการได้มีการทำรั้วกั้นไฟฟ้า เพื่อไม่ให้กระทิงออกนอกพื้นที่ไปรบกวนชาวบ้าน พร้อมทั้งบริหารจัดการแหล่งน้ำแหล่งอาหารให้เพียงพอ โดยได้รับความร่วมมือจากทางวัดมาโดยตลอด ทั้งนี้เขตห้ามล่าฯ เขาแผงม้าเร่ิมมีชื่อเสียงในเรื่องการเที่ยวชมกระทิงและธรรมชาติที่สวยงาม โดยปี 2562 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 1 หมื่นคน สามารถจัดเก็บรายได้กว่า 2 แสนบาท คิดว่าจากนี้ไปจะมีคนเข้ามาท่องเที่ยวและศึกษาธรรมชาติในพื้นที่เพิ่มขึ้น เป็นการสร้างรายได้ให้กับชุมชนรอบข้างได้ เพราะมีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนในการนำเที่ยวชมกระทิง เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลพื้นที่ด้วย

Advertisement

เมื่อถามว่าหากมีปัญหากับทางวัดกรมอุทยานฯ เกรงจะไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องงบประมาณหรือไม่ นายสิทธิชัย ก่ล่าวว่า กรมอุทยานฯ มีงบประมาณในการดำเนินการในเรื่องต่างๆ อยู่แล้ว ส่วนการสนับสนุนจากทางวัดก็เป็นสิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา แต่เชื่อว่าด้วยงบประมาณของกรมอุทยานฯ ก็ศักยภาพเพียงพอในการดูแลพื้นที่ได้

Advertisement

ด้านนายมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของกรมป่าไม้ ดูแลพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง ซึ่งเป็นป่าสงวนฯ โซนซี อยู่ติดกับเขตห้ามล่าฯ เขาแผงม้า โดยกำลังดำเนินการตามมติ ครม. วันที่ 26 พ.ย. 2561 ในโครงการของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.)ในการจัดสรรที่ทำกินให้กับราษฎรยากไร้ โดยมีพื้นที่ดำเนินการ 400 แปลง เนื้อที่ 4,000 ไร่ มีราษฎรที่เข้าโครงการประมาณ 400 ครอบครัว โดยจะยึดกรอบดำเนินการตามมติ ครม. 30 มิ.ย. 41 และเป็นราษฎรรายเดิมที่อยู่ในพื้นที่มาก่อน หากพบว่ามีการเปลี่ยนมือก็ต้องนำมาจัดสรรให้ราษฎรยากจน อย่างไรก็ตามสำหรับพื้นที่บุกรุกนั้นกรมป่าไม้ได้ดำเนินการจับกุมดำเนินคดีแล้วในช่วงปี 2554-2555 จำนวน 44 คดี ซึ่งศาลตัดสินให้รื้อถอนเพราะจำเลยรับสารภาพแล้ว 2 คดี ส่วนอีก 42 คดีอยู่ในชั้นของพนักงานอัยการ

ด้านนายชยุต กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ระบุว่ามีนายทุนก่อสร้างบ้านพักหรูในพื้นที่นั้น จากการตรวจสอบบ้านพักหลังดังกล่าวอยู่ในเขต ส.ป.ก. ที่ได้ปฏิรูปที่ดินแล้ว จึงเป็นเรื่องที่ ส.ป.ก.จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไป ส่วนกรณีท่ีระบุว่ามีการตัดเส้นทางใหม่เพื่อมาดูกระทิงนั้น ก็เป็นเส้นทางลำลองที่มีอยู่เดิม และมีการปรับปรุงใหม่เพื่อขนส่งพืชผลในการเกษตรของชาวบ้านด้วย โดยเป็นเส้นทางที่มีการขออนุญาตจากกรมป่าไม้แล้วและกรมป่าไม้ก็ใช้ประโยชน์ในการเป็นเส้นทางตรวจการณ์ด้วย โดยที่ผ่านมาพบว่ามีกระทิงจำนวน 7 ฝูงที่ออกไปหากินนอกเขต ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากชุมชนในการร่วมดูแลด้วย

นายชยุต กล่าวอีกว่า ในเรื่องการตรวจสอบสิทธิตามโครงการ คทช.นั้น กรมป่าไม้อยู่ระหว่างการตรวจสอและคัดกรองคุณสมบัติ โดยจัดสรรที่ดินให้ไม่เกินรายละ 20 ไร่ และต้องเป็นราษฎรยากจน ต้องใช้ประโยชน์พื้นที่ในเรื่องการเกษตรและปลูกป่าตามหลักการของ คทช. โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1 และ 2 ที่ต้องปลูกป่าให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ที่สำคัญไม่อนุญาตให้สร้างบ้านพักตากอากาศหรือรีสอร์ทหรู หากพบก็ต้องจับกุมดำเนินคดีต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image