ปลัดสธ. ย้ำมีไวรัสโคโรนาฯ แค่ 8 คน ข่าวตม.ป่วยไม่จริง เหลือนักท่องเที่ยวอู่ฮั่นค้างในไทย อีก 20,000 คน

ปลัดสธ. ย้ำไทยป่วยไวรัสโคโรนาฯ แค่ 8 คน ข่าวตม.ป่วยไม่จริง เหลือนักท่องเที่ยวอู่ฮั่นค้างในไทยอีก 20,000 คน

วันที่ 27 มกราคม นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์โรคปอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ในไทย ยังยืนยันอยู่ที่ 8 ราย รักษาหายดีกลับบ้านแล้ว 5 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอีก 3 ราย แต่ทุกรายอาการดีขึ้น ซึ่งยืนยันว่าผู้ป่วยโรคนี้ในประเทศไทยรักษาได้ 100% ส่วนใหญ่ใช้เวลารักษาประมาณ 7 วัน ก็หายดีกลับบ้าน ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคมีทั้งหมด 102 คน โดยกลับบ้านแล้ว 54 คน โดยเชื้อที่เจอส่วนใหญ่คือโรคไข้หวัดใหญ่ ยังอยู่ รพ.อีก 48 คน ทั้งนี้ ย้ำว่าคนที่เข้าเกณฑ์ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นผู้ป่วยโรคไวรัสโคโรนาทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ที่ยืนยันว่าเป็นก็ไม่ถึง 10%

นพ.สุขุม กล่าวว่า ทั้งนี้ สธ.มีการตั้งทีมวิเคราะห์ข่าวที่ประชาชนสนใจในแง่วิชาการและเปิดให้สื่อได้ซักถามทุกวัน สำหรับมาตรการคัดกรองนอกจากกว่างโจวแล้วก็เพิ่มเติมที่เมืองฉางชุน ตามประกาศของจีน โดยจะระดมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เพิ่มเติม จากกรมการแพทย์ สำนักงานปลัด สธ.ที่เคยมีประสบการณ์จากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ไข้หวัดนก โรคเมอร์ส จากส่วนกลางและจังหวัดอื่นๆ ที่ไม่ได้มีสนามบินหรือติดต่อชายแดน เข้ามาช่วยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนในการปฏิบัติหน้าที่ในการคัดกรองด้วย ให้สบายใจว่าเราทำงานเต็ม 100% ไม่ได้ลดบุคลากรมีแต่เพิ่มขึ้น วิเคราะห์แล้วเราต้องการเพิ่มประมาณ 5 พันคน ซึ่งคาดว่าเพียงพอ และระดมมาได้แน่นอน ขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันที่เหลืออยู่ 3 ราย เป็นนักท่องเที่ยวทั้งหมด ไม่มีผู้เสียชีวิตถามต่อว่าขณะนี้มีการรายงานจากพื้นที่เจอผู้ต้องสงสัยเรื่อยๆ มีการแนะนำอย่างไร

Advertisement

 

นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า มาตรการดำเนินการหลังอู่ฮั่นปิดเมือง คัดกรองผู้เดินทางจากเมืองอื่นที่มีแพร่ระบาดมากขึ้น คือ กว่างโจว โดยเที่ยวบินตั้งแต่วันที่ 24-26 ม.ค. คัดกรองแล้ว 11 เที่ยวบิน รวม 1,501 คน และฉางชุน มี 1 เที่ยวบิน คัดกรองแล้ว 363 คน และจะติดตามสถานกาณ์เมืองอื่นอย่างใกล้ชิด เมืองไหนแพร่ระบาดเพิ่มความเสี่ยงการเข้ามาพร้อมกับโรค ก็จะคัดกรองเพิ่มขึ้น ซึ่ง สธ.ได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินเป็นระดับกระทรวงมาหลายวันแล้ว ปัจจุบันมีศูนย์รับแจ้งข่าวที่ปฏิบัติงาน 24 ชั่วโมง ประชาชนทั่วไปติดต่อมาได้ 1422 ทั้งนี้ คำแนะนำทั่วไป ให้ประชาชนที่มีแผนจะไปจีน ให้เลี่ยงไปเมืองแพร่ระบาด ซึ่งสธ.จะมีการอัปเดตเป็นระยะในหน้าเว็บไซต์กรมควบคุมโรค หากจำเป็นต้องไปต่างประเทศให้เลี่ยงสถานที่แออัด หรือมีผู้ป่วย เช่น รพ. การไปตลาดค้าสัตว์มีชีวิต หรือสัมผัสสัตว์ ให้รับประทานอาหารปรุงสุก ล้างมือบ่อยๆ ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับคนอื่น รักษาร่างกายอบอุ่นเสมอ หากกลับมามีอาการทางเดินหายใจใน 14 วันหลังกลับมา ขอให้โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่ ถ้าไปด้วยตัวเอง ให้ใส่หน้ากากอนามัยเหมาะสม พบแพทย์ แจ้งอาการประวัติการเดินทางให้ชัดเจน และเนื่องจากยังไม่มีการระบาดในประเทศ ประชาชนยังใช้ชีวิตตามปกติ ให้ติดตามสถานกาณ์จาก สธ. และฝึกปฏิบัติตัวยามตัวเองมีโรคระบบทางเดินหายใจ ใส่หน้ากากอนามัย ถ้ามีไข้หวัดและล้างมือบ่อยๆเมื่อถามถึงกรณีข่าวลือต่างๆ เช่น เจ้าหน้าที่ ตม.ติดเชื้อ หรือมีผู้เสียชีวิตที่นครสวรรค์

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สธ.ไม่เคยปกปิดข่าว ข่าวลือว่าเจอผู้เดินทางหรือคนกลับมามีอาการสงสัยว่าเป็นโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา สามารถมีข่าวได้ แต่ถ้ามีผู้ป่วยยืนยัน จะแถลงจากส่วนกลางที่เดียว ซึ่ง สธ.ได้กำชับกับทางพื้นที่และจังหวัดไปแล้ว ระยะยาวจะทำให้ข่าวสารรวมศูนย์เพื่อความชัดเจนกับตัวเลขในทุกฝ่าย แต่การแถลงข่าวพบผู้ป่วย ต้องทำความเข้าใจผลแล็บออกมานาทีนี้ไม่ได้แปลว่าจะแถลงนาทีนี้ อยากให้ใจเย็น อย่าวิ่งตามตัวเลข แต่อยากให้มุ่งสื่อสารว่าคนไทยควรปฏิบัติตัวอย่างไรเพื่อให้ปลอดโรคปลอดภัยที่สุด เพื่อลดความสับสนและตื่นตระหนก เพราะหากตื่นตระหนกทุกอย่างเปลี่ยนไป ชาวบ้านวิ่งออกไปซื้อทุกอย่างไม่เหลืออะไร คนจำเป็นต้องใช้ก็ไม่มี

“อารมณ์คนไทยตอนนี้กำลังตื่นตระหนก ซึ่งไม่เป็นผลดีกับการทำงานของใครเลย อยากให้ทุกคนและสื่อทุกฝ่ายช่วยกัน ถ้าเจอข่าวแปลกๆ ให้แจ้งมาที่สธ. คร. เพื่อช่วยเช็กและตอบโต้ข่าวลือ ซึ่งข่าวทั้งกระแสหลักและโซเชียลมีความสำคัญต่อประเทศไทย อยากให้ทุกคนช่วยกันสอดส่องอะไรไม่แน่ใจอย่าเพิ่งแชร์ ให้แชร์มายังสารนิเทศ สธ.เพื่อช่วยกันตรวจสอบ” นพ.ธนรักษ์กล่าว

เมื่อถามเรื่องส่งเครื่องบินไปรับนักศึกษาไทยในอู่ฮั่น ต้องมีการหารืออะไรหรือไม่ นพ.สุขุม กล่าวว่า ทีมแพทย์มีความพร้อมที่จะไปดูแลพี่น้องคนไทย แต่ต้องมีการประชุมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ อย่างกรณีมีคนไข้จะไม่ให้ขึ้นเครื่องก็ให้รออยู่ก่อนก็คงไม่ได้ เพราะต้องดูแลคนไทยทุกคน ก็จะมีการวางมาตรฐานว่าเป็นอย่างไร เตรียมชุด เตรียมอะไรป้องกัน ให้เดินทางกลับมาเมืองไทยและดูแล กลับมาแล้วก็ตรวจมีไข้ไหม หากมีไข้ก็ต้องตรวจละเอียด รวมถึงการทำความสะอาดเครื่องบินหลังกลับมาถามต่อว่า นักท่องเที่ยวจีนในเมืองไทยมีเท่าไร

นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อทั่วไป คร. กล่าวว่า จากการประชุมกับทางสุวรรณภูมิระบุว่า มีประมาณ 2 หมื่นกว่าคนที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในช่วงนี้ ที่เข้ามาก่อนที่จะมีการปิดเมืองอู่ฮั่น แต่คนกลุ่มนี้กำลังทยอยเดินทางกลับด้วยสายการบินที่นำเข้ามา แต่เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ กลุ่มนี้กำลังอยู่ในช่วงเฝ้าระวังว่ามีอาการป่วยหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันก็ยังปกติดีอยู่ถามต่อว่านักท่องเที่ยวที่ตกค้างเหลืออยู่เท่าไรหลังปิดสนามบินอู่ฮั่น

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ศูนย์ประสานงานอำนวยการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิจะตอบไดดีที่สุด ซึ่งสุวรรณภูมิได้เปิดศูนย์ตั้งแต่จีนสั่งปิดสนามบิน ก็ประสานสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวและสมาคมสายการบินต่างๆ เพื่อช่วยจัดหาเที่ยวบิน เดินทางไปประเทศจีนและเมืองใกล้เคียง เพื่อให้เดินทางกลับอู่ฮั่นได้ง่ายดายขึ้นเมื่อถามถึงกรณีคนจีนมาเมืองไทยเพราะเรารักษาดีได้ 100% จะรับมืออย่างไรหากมาเยอะ

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ทางการจีนให้ความเข้มข้นกับการคัดกรองที่จุดออกของประเทศ และความเข้มข้นบางเมืองก็ปิดเมืองไม่ให้เดินทาง บางเมืองที่ให่เดินทาง ก็ชัดเจนว่ามีอาการป่วยจะไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศ ส่วนของเราก็มีมาตรการบางอย่างที่จะสามารถจัดการประเด็นพวกนี้ได้ ถ้าใช้อำนาจทางการกฎหมายก็สามารถจำกัดในส่วนนี้ลงไปได้

เมื่อถามอีกว่า กรณีพัสดุที่ส่งมาจากจีนจะติดเชื้อหรือไม่ นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า เชื้อโคโรนาไม่ได้ทนมากคล้ายเชื้อไวรัสตัวอื่น การอยู่ในสภาพแวดล้อมก็จะอยู่ได้ไม่นาน 8-10 ชั่วโมง ขึ้นกับสภาพแวดล้อม พัสดุคงไม่ได้มาถึงเร็ว ใช้เวลาเดินทางพอสมควร โอกาสที่จะเจอเชื้อจากพัสดุจะต่ำมาก

เมื่อถามว่าคิดว่าคนจีนป่วย คนย่านคนจีนต้องสวมไหม หน้ากากขาดตลาด นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า คนจีนเดินทางเข้าประเทศไม่ได้แปลว่าจะป่วย ใครก็ตามมีอาการชัดเจน ก็คำแนะนำมีอยู่ในคำแนะนำนักเดินทางมีอาการอะไรปฏิบัติตัวยังไง สำหรับคนไทยอย่ากังวลมากเกินไป ถ้าไม่มีอาการไข้ไอเจ็บคอโอกาสแพร่โรคต่ำมาก ไม่ได้แปลว่าคนจีนทุกคนติดโรค ใช้ชีวิตตามปกติ หลีกเลี่ยงเข้าใกล้คนไอจามเท่านั้นเองก็เป็นหลักการทั่วไปอยู่แล้วเมื่อถามถึงการเตรียมยาและเวชภัณฑ์ เชื้อยังไม่มียารักษาเฉพาะ ยังไม่มีตัวยา แต่เตรียมไว้เผื่อกรณีมีความจำเป็นต้องใช้ ที่ทราบคือจีนใช้ยาต้านไวรัสบางตัว ซึ่งก็ยังไม่มีผลออกมาว่ารักษาได้ แต่เราก็ต้องเตรียมตัวเมื่อถามว่าเป็นยาต้านไวรัสกลุ่มใด

นพ.สุขุม กล่าวว่า จากข้อมูลประเทศจีน มีการใช้ยาต้านไวรัสเอชไอวี แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลว่าได้ผล เราก็ต้องติดตาม โดยมีการสำรวจยาและเวชภัณฑ์ของเรา ทั้งยาต้านไวรัสเอชไอวี หน้ากากอนามัย ชุดป้องกัน ชุดนำส่งเสมหะไวรัสต่างๆ ต้องมีเพียงพอ ซึ่งถ้ามีหลักฐานว่าใช้ได้ผลจริง เมื่อถึงเวลาเราจะได้มีของ ซึ่งก็ได้สำรวจกับทางองค์การเภสัชกรรมแล้วว่าพอแบ่งได้หรือไม่ เพราะเป็นยาที่พี่น้องผู้ติดเชื้อเอชไอวีต้องใช้ ไม่ใช่ถึงเวลาแล้วเราไม่มีของก็จะเหมือนกรณีหวัด 2009 ที่เราขาดหน้ากากอนามัยเมื่อถามว่ายาต้านไวรัสเอดส์มีความสัมพันธ์กับโรคทางเดินหายใจอย่างไร

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า ทางการจีนก็เปิดออกมาว่าใช้ยาตัวไหนบ้าง ซึ่งยาต้านไวรัสบางตัวฤทธิ์จะเป็นฤทธิ์ทั่วไป เขาหวังว่ากลไกการออกฤทธิ์ของยาตัวนี้ที่ไปหยุดยั้งการติดเชื้อโรคเอดส์น่าจะเป็นกลไกเดียวกันในยับยั้งการขยายตัวของเชื้อโคโรนาได้ แต่เป็นสมมติฐานยังไม่มีหลักฐานว่าใช้ยาแล้วอาการดีขึ้นหรือรอดมากขึ้น แต่เราฟังว่าเขาใช้ เราก็ต้องเตรียมเหมือนกัน เพราะหากได้ผลจริงเราก็จะได้มี ไม่ใช่ว่าเขาบอกใช้ได้ผลแล้วเราหาไม่ได้ ก็ต้องเตรียมไว้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image