ในหลวงพระราชทานเวชภัณฑ์ช่วยชาวอู่ฮั่น “อนุทิน” เผยจีนไฟเขียว 4 ก.พ. บินรับคนไทยกลับบ้าน

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่โรงพยาบาล (รพ.) ราชวิถี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวประจำวันโรคเรื่องความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 กรณีของการเดินทางไปรับคนไทยในเมืองอู่ฮั่น

นายอนุทิน กล่าวว่า ทางการจีนอนุญาตให้ประเทศไทยเดินทางไปยังเมืองอู่ฮั่นได้ในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งขณะนี้ทางการไทยพร้อมแล้วที่จะเดินทางไปพร้อมกับทีมแพทย์ 2 ชุด นำโดย นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ ผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร ที่จะเดินทางไปพร้อมทีม 3 ด้าน คือ แพทย์ฉุกเฉิน แพทย์ระบาดวิทยาและจิตแพทย์เพื่อพูดคุยสร้างกำลังใจให้กับคนไทยที่จะเดินทางกลับมาในวันนั้นด้วย ทั้งนี้จะมีคณะแพทย์จาก รพ.พระมงกุฎ กรมแพทย์ทหารบกอีก 2 คน เพื่อบูรณาการดูแลคนไทยที่จะกลับมาจากเมืองอู่ฮั่น นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมราชินี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานเวชภัณฑ์ยาจำเป็นให้แก่ประชาชนชาวจีนในเมืองอู่ฮั่นที่ขาดแคลนเวชภัณฑ์ป้องกันโรค ซึ่งสิ่งของพระราชจะถูกจัดส่งไปพร้อมกับคณะทำงานในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ด้วย

“ทางอุปทูตของจีนยืนยันมาว่า ทางรัฐบาลท้องถิ่นจะจัดเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จะมาช่วยประสานงานให้กับสถานทูตไทยที่จะเคลื่อนย้ายคนไทย จัดหาที่พักผ่านด่านระหว่างเมือง และทำบัตรเข้าสนามบินซึ่งเป็นการประสานของกรวงการต่างประเทศ ที่เราได้แบ่งงานกันทำ ซึ่ง สธ.ดูแลเรื่องสุขภาพ จริงๆ พร้อมมานานแล้ว รอแค่วันและเวลา เมื่อประเทศจีนบอกว่าวันที่ 4 ซึ่งจริงๆ วันที่ 4 ก็เป็นวันที่ดี เพราะว่าระยะฝักตัวของไข้ ที่โรคนี้ได้ระบาดเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะนี้ก็เกิน 14 วัน เกือบ 20 วัน ด้วยซ้ำ ปล่อยให้เขามีประสบการณ์การลำเลียงคนชาติอื่นกลับบ้านไปก่อน เพื่อให้เขาลำเลียงคนของเราราบรื่น” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะนำชาวไทยทั้งหมดมาลงที่สนามบินใดและจะมีการดูแลเฝ้าระวังระยะฝักตัวของโรคอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า ในเบื้องต้นเราต้องการทำให้เกิดความปลอดภัยอย่างสูงสุด ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นของการพิจารณาว่าจะให้เดินทางมายังสนามบินใด ซึ่งในช่วงบ่ายของวันนี้จะนำเข้าที่ประชุมกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหารือกันว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร ขอเน้นย้ำว่า คนไทยในเมืองอู่ฮั่น ไม่ใช่ผู้ป่วย และก่อนเดินทางขึ้นเครื่องบินทางการจีนจะทำการตรวจสุขภาพว่าจะสามารถให้ขึ้นเครื่องได้หรือไม่ จะต้องคัดกรองคนผู้เดินทางมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตามหลักการหากพบผู้ที่ป่วยก็จะต้องมีการเก็บตัวไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยออกมาแพร่เชื้อได้ ส่วนของการควบคุมโรคภายหลังที่เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้วจะต้องเฝ้าสังเกตอาการประมาณ 14 วัน เพื่อให้พ้นระยะฝักตัวและอาจจะต้องมีการปรึกษากับแพทย์ว่าหากผู้เดินทางคนใดไม่มีอาการป่วยอย่างแน่นอน จะอนุญาตให้กลับบ้านได้ก่อนกำหนดได้หรือไม่ และเนื่องจากคนกลุ่มนี้ติดอยู่ในเมืองอู่ฮั่นมาระยะเวลากว่า 1 เดือน สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุดคือสถานที่สังเกตอาการ เพื่อไม่ให้เป็นประชาชนในประเทศมีความหวาดระแวง จึงต้องหาสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด พร้อมด้วยจะต้องเป็นสถานที่ที่ผู้ที่อยู่ในระยะสังเกตอาการ สามารถออกมาทำกิจกรรมด้านนอกได้ เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดอีกด้วย ขณะนี้มีที่ให้เลือกอยู่ 2-3 แห่ง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ทางกองทัพเรือ กองทัพอาการ กองทัพบกได้เสนอมา รวมถึง สธ.เองก็มีสถานที่ที่มีความพร้อมอยู่แล้วเช่นกัน

“คงไม่เปิดเผยเพื่อความปลอดภัย และเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เราขอให้มั่นใจว่าเราคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน และคำนึงถึงความสะดวกสบายด้านสุขภาพของคนไทยที่จะกลับมาสู่การควบคุมโรค ดูจากทุกมิติและจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพวกเขา” นายอนุทิน กล่าว

เมื่อถามว่าจะมีการแบ่งกลุ่มจำนวนคนที่กลับมาจากเมืองอู่ฮั่นอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า หากการตรวจร่างกายไม่พบผู้ใดที่ป่วย ก็จะให้อยู่รวมกัน แต่ส่วนของการแบ่งห้องพัก ห้องแยกโรคขอให้เป็นหน้าที่ของแพทย์ แต่สิ่งที่รับประกันได้คือคนไทยที่กลับมานั้นจะไม่แพร่เชื้อให้ประเทศไทยอย่างแน่นอน

Advertisement

“โคโรนาจะไม่มีออกมาจาก 164 คนนี้แน่นอน” นายอนุทิน กล่าว

 

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน
 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image