เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค และ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน สาธารณสุขนิเทศก์ เขตสุภาพที่10 กล่าวถึงกรณีผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัม ที่เทียบท่าเรือสีหนุ วิลล์ ประเทศกัมพูชา และจะมีการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ เพื่อต่อเครื่องบินกลับประเทศตนเอง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า เนื่องจากประเทศมาเลเชีย รายงานว่ามีผู้เดินทางจากเรือเวสเตอร์ดัมเดินทางเข้าประเทศ ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 และยืนยันว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 บนเรือเวสเตอร์ดัมจริง ประเทศไทยจะต้องแยกเป็น 2 กรณี ส่วนที่ 1 ในส่วนของคนไทย มีการประสานเพื่อให้ได้ข้อมูลการเดินทาง และเมื่อเดินทางมาจะมีการคัดกรองตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า หากไม่มีไข้ก็จะนำไปกักโรค 14 วัน แต่หากมีไข้ก็จะนำไปแยกโรคเพื่อรักษาต่อไป ส่วนที่ 2 คือ คนต่างชาติ ส่วนใหญ่จะมาต่อเครื่องหรือเปลี่ยนเครื่อง ในเชิงนโยบายจะไม่สนับสนุนหรือไม่อนุญาตให้กลุ่มคนดังกล่าวมาต่อหรือเปลี่ยนเครื่อง โดยขณะนี้มีการประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศผ่านสถานทูตไทยที่ประเทศกัมพูชาเพื่อประสานทำความเข้าใจกับผู้โดยสารที่ยังคงเหลืออยู่ในประเทศกัมพูชาว่าหากเดินทางมาต่อหรือเปลี่ยนเครื่องในประเทศไทยขอความร่วมมือในการปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด และจะต้องมีแผนการเดินทางที่ชัดเจนว่าจะเดินทางไปยังประเทศไทยต่อไป เพื่อป้องกันการเข้าเมือง
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า แต่ถ้าหากมีการต่อเครื่องหรือเปลี่ยนเครื่อง จะต้องขอความร่วมมือกับสายการบินในการคัดกรองก่อนออกจากประเทศกัมพูชา และเมื่อมาถึงประเทศไทยก็จะต้องคัดกรองที่ประตูขาเข้า หากมีไข้ก็จะต้องนำตัวไปแยกโรค แต่หากไม่มีไข้จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดในขณะที่รอต่อเครื่องไปยังประเทศที่ 3 และเมื่อจะเดินทางออกจากประเทศไทยจะมีการคัดกรองอีกครั้งก่อนขึ้นเครื่อง ส่วนในกรณีจำเป็นที่จะต้องเข้ามาภายในประเทศไทย จะต้องได้รับอนุญาตเข้าเมืองตามขั้นตอนของการตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) โดยจะขอความร่วมมือทางสายการบินให้คัดกรองผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องมายังประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาถึงแล้วจะคัดกรองที่ประตูขาเข้า โดยทุกรายที่ไม่มีไข้หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นจะต้องถูกกักโรคเป็นเวลา 14 วัน ในสถานที่เตรียมไว้ แต่หากมีไข้ก็จะต้องนำไปเข้าระบบการรักษาในห้องแยกโรค
ด้าน นพ.โสภณ กล่าวว่า สำหรับกรณีผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัม เป็นผู้ที่มีความเสี่ยง ดังนั้นมาตรการจึงเป็นระดับความเข้มข้นสูงสุด ซึ่งขณะนี้ประเทศมาเลเซียได้ปฏิเสธเครื่องบินเช่าเหมาลำที่จะเดินทางไปผ่านประเทศ และประเทศไทยก็จะมีมาตรการระดับเดียวกันที่เป็นมาตรฐาน คือ ป้องกันไม่ให้ผู้โดยสารจากเรือลำนี้เข้ามาในประเทศ อย่างไรก็ตามก็จะมีกรณีของคนไทยที่จะต้องให้กลับประเทศก็จะต้องมีการดูแลสูงสุด โดยจะขอความร่วมมือกับสายการบินคัดกรองผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่องออกมาจากประเทศกัมพูชา และเมื่อมาถึงจะมีการตรวจซ้ำอีกครั้งในประเทศไทย หากมีไข้ก็จะแยกโรคเพื่อทำการรักษา และถ้าไม่มีไข้ก็จะต้องดูแลเฝ้าระวังกักโรค 14 วัน ส่วนของชาวต่างชาติเราจะไม่สนับสนุนให้มาต่อหรือเปลี่ยนเครื่องในประเทศไทย โดยจะแจ้งกับสายการบินและท่าอากาศยานเพื่อขอความร่วมมือด้วย ซึ่งทาง ตม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยในมาตรการนี้ว่ามีความจำเป็นและเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า มาตรการนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินการร่วมกันกับกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตไทยในกัมพูชา สายการบิน สนามบิน ตม.และ สธ. ซึ่งคาดว่าจะทราบผลภายในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยทางสาธารณสุขไม่สนับสนุนให้ผู้โดยสารจากเรือเวสเตอร์ดัมเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งในกระบวนการดำเนินการไม่ใช่อำนาจของ สธ.โดยตรง แต่หากมีการต่อหรือเปลี่ยนเครื่องและเดินทางเข้าประเทศไทยก็จะต้องดำเนินการตามมาตรการที่กำหนด คือการคัดกรองโดยสารการบินทั้งก่อนขึ้นเครื่องและลงเครื่อง พร้อมทั้งทำการแยกคนกลุ่มนี้ออกมารอต่อหรือเปลี่ยนเครื่องไปยังประเทศอื่นต่อไป โดยไม่ให้ไปสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่