‘อนุทิน’ ถกบอร์ด สปสช.จ่อชง ครม.ใช้งบกลาง 3,500 ล. ต้าน ‘โควิด-19’

เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ว่า บอร์ด สปสช. มีมติรับรองข้อเสนองบกลาง จำนวน 3,500 ล้านบาท ที่จะนำเข้าสู่การเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 3 มีนาคมนี้ เพื่อนำมาใช้ในการรับมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ซึ่งเป็นความจำเป็นเร่งด่วนในการขอรับงบกลาใช้รักษาโรคและเพื่อจัดซื้อเวชภัณฑ์ทั้งหลายที่จำเป็นต้องใช้ โดยเบื้องต้นงบของ สปสช.ที่ผ่านมติแล้วในวันนี้จำนวน 1,020 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณในการรักษาพยาบาล และสามารถนำมาใช้ได้ทันที

“เป็นการเสนอของบกลาง ตรงไหนใช้ได้ก็นำมาใช้ก่อน รวมทั้งเป็นการบูรณาการกับกองทุนอื่นๆ แต่ตรงไหนที่เราดูแลตัวเองได้ก่อน ก็รีบทำก่อน เพราะสถานการณ์ไม่สามารถให้เรารอไปเจรจากับหน่วยงานอื่นๆ ได้ วันนี้ให้ความมั่นใจว่าเวชภัณฑ์ยาพร้อม เป็นยาที่ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรมใช้แล้วได้ผลในระดับหนึ่ง และยังมีการติดต่อซื้อยาขนานหนึ่งที่จีนประกาศว่าใช้กับผู้ป่วยแล้วรักษาการได้ และเพิ่งได้รับเอกสิทธิ์ในการผลิตมา แต่อยากจะเรียนให้ทราบว่ายานั้นก็ไม่ได้ดีกว่ายาที่เรามี” นายอนุทินกล่าว

ส่วนกรณีหน้ากากอนามัยขาดตลาดนั้น นายอนุทินกล่าวว่า อยากให้หันมารณรงค์การใช้หน้ากากแบบผ้าให้มายิ่งขึ้น เพื่อลดปัญหาการขาดแคลน และในส่วนของการลดมลพิษการกำจัดหน้ากากอนามัยชนิดใช้แล้วทิ้งซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะต้องมีการประสานไปยังกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ กรณีที่มีการขายหน้ากากอนามัยเกินราคา แล้วประชาชนร้องว่าไม่สามารถหาซื้อได้ นายอนุทินกล่าวว่า อย่าร้องให้ไปทำหน้ากากอนามัยแบบผ้ามาใช้ หากกระแสหน้ากากแบบผ้า เกิดขึ้นมาเมื่อไร 2 สัปดาห์ หน้ากากอนามัยจะมีเต็มตลาด

Advertisement

“เผลอๆ ต้องแจกฟรี ต้องทำให้ความต้องการลดลง เพื่อเป็นการสั่งสอนผู้ที่กักตุนเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นด้วย” นายอนุทินกล่าว

ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า งบของ สปสช.สามารถนำมาใช้ได้ทันที และมีการขยายขอบเขตของการใช้งบ โดยแบ่งเป็นงบค่าเสื่อมสำหรับการพัฒนาโรงพยาบาลต่างๆ อีกประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้ แต่จะต้องรอประกาศก่อนนำมาใช้ และอีกส่วนคือ การสร้างชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งเป็นส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่น อีกประมาณ 3,000 ล้านบาท เพื่อให้ท้องถิ่นไปบริหารจัดการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image