“สาธิต” ขีดเส้นตาย “ผีน้อย” ที่เหลือ 62 คน ต้องรายงานตัวก่อนเที่ยงคืน 10 มี.ค.นี้

เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการ สธ. กล่าวถึงกรณีการคัดกรองแรงงานไทยนอกระบบ หรือผีน้อย ในประเทศเกาหลีใต้เดินทางกลับมาในประเทศไทย ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม เพื่อพิจารณาว่าคนกลุ่มนี้จะต้องดำเนินการกักกันอย่างไรภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม มีแรงงานผีน้อยกลุ่มหนึ่งที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานควบคุมโรค โดยเจ้าหน้าที่แจ้งแล้วว่าจะทุกคนจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย พ.ร.บ.โรคติดต่อ ว่าจะต้องมีการกักกันโรค 14 วัน แต่จะกักกันอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ โดยสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงคือ ผู้ที่เดินทางมาจากเกาหลีใต้ โดยเฉพาะ 2 เมืองที่มีการระบาด คือ เมืองแทกู และเมืองคยองซัง และเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมาย ก็จะถูกส่งตัวไปที่อาคารรองรับ อ.สัตหีบ โดยในระหว่างการดำเนินการที่สนามบิน มีการหลุดลอดไปในระหว่างการลำเลียงเพื่อขึ้นรถไปยังสถานที่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้ แต่จำนวนทั้งหมดผ่านการคัดกรอง ตรวจวัดไข้แล้ว เรื่องจำนวนยังไม่ชัดเจนเพราะการตีความต้องดูว่าเป็น 1.แรงงานที่เดินทางมาจาก 2 เมือง 2.แรงงานจากประเทศเกาหลีทั้งประเทศ โดยสรุปมีประมาณ 80 ราย ขณะนี้ให้เวลา 3 วันหลังจากวันที่ 7 มีนาคม ครบกำหนดเด็ดขาดจนถึงวันที่ 10 มีนาคม ก่อนเวลา 23.59 น. ที่จะต้องมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม

นายสาธิต กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดว่า พบตัวแล้ว 18 ราย อยู่ในเขตสุขภาพที่ 3 จำนวน 3 ราย เขตสุขภาพที่ 5 จำนวน 4 ราย เขตสุขภาพที่ 10 จำนวน 6 ราย เขตสุขภาพที่ 11 ภาคใต้ จำนวน 5 ราย รวมเป็น 18 ราย และเหลือประมาณ 62 ราย ที่ยังไม่พบ แต่ในส่วนของที่ตรวจพบแล้ว 18 ราย ขณะนี้ให้กลับไปอยู่ภูมิลำเนาแล้ว โดยใช้ดุลยพินิจในการพูดคุยกับผู้เดินทาง รวมถึงดูว่าจังหวัดนั้นๆ มีพื้นที่สำหรับการกักกันในพื้นที่กำหนดหรือไม่ (local quarantine) ถ้าหากมีก็สามารถนำไปกักกันในสถานที่เตรียมไว้ให้ในแต่ละจังหวัด ซึ่งเป็นไปตามแบบที่กักกันในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดให้ (state quarantine) เพียงแต่เป็นการกระจายไปตามจังหวัด แต่ถ้าหากไม่มีพื้นที่ในจังหวัดและมีความเสี่ยงสูงก็จะไปจังหวัดใกล้เคียง แต่ถ้าหากพูดคุยกันได้ว่าผู้เดินทางจะทำตามข้อตกลงกับเจ้าหน้าที่ได้ก็จะให้อยู่บ้าน 14 วัน

“ขอให้ 62 คน เข้าพบเจ้าหน้าจังหวัดที่ตามภูมิลำเนา แต่หากอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้มาพบเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค หากไม่มาจะถูกดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด ซึ่งมีโทษตามมาตรา 52 คือ จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดมีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ที่จะต้องบังคับใช้และทำความเข้าใจกับแรงงานผิดกฎหมายจาก 4 ประเทศ ที่ประกาศเป็นเขตติดโรคนอกราชอาณาจักร” นายสาธิต กล่าว

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

 

นายสาธิต กล่าวว่า สำหรับประชาชนในพื้นที่ที่ตระหนกว่าจะมีแรงงานกลุ่มนี้ไปอยู่ใกล้บ้าน แล้วกลัวว่าจะติดโรค หากมีความไม่มั่นใจ ประชาชนสามารถเป็นพนักงานช่วยสอดส่องดูแลได้ หากแรงงานเหล่านี้บอกว่าจะอยู่บ้าน 14 วัน แต่มีเหตุจำเป็นและแจ้งขอเจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ไป แต่ถ้าพบว่าไปทำความพฤติที่เสี่ยงต่อชุมชน คนในพื้นที่สามารถแจ้งหน้าที่ได้ เพื่อดำเนินการใช้กฎหมายเข้าควบคุม เพราะถ้าอยู่บ้านกักกันตนเองไม่ได้ก็ต้องไปอยู่ในที่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้

ส่วนเรื่องจำนวนของแรงงานนอกระบบที่อยู่ในประเทศเกาหลีนั้น นายสาธิต กล่าวว่า ไม่ทราบตัวเลขล่วงหน้า แต่ตามกฎหมายคือ เจ้าของยานพานะต้องแจ้งจำนวนลูกเรือทั้งหมดให้กองท่าอากาศยาน หรือ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ข้อมูลเหล่านี้จะส่งมาให้ สธ.โดยทั่วไปจะทราบข้อมูลในวันที่เดินทาง แต่ในวันที่ยานพาหะนำผู้โดยสารเข้าประเทศมา จะต้องส่งรายชื่อมา สธ. และจะทำการคัดจัดการแต่ละรายชื่อว่า เป็นผู้มีความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงต่ำ เพื่อคัดกรองไปยังสถานที่กำหนดไว้ แรงงานที่ผิดกฎหมายที่ประเทศเกาหลีมีจำนวนกว่า 100,000 ราย แต่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อได้มีมาตรการว่า ผู้เดินทางจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาด้วยในเชิงจิตวิทยาลัยก็สามารถลดผู้เดินทางเข้ามาจำนวนมาก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image