กรมป่าไม้เผย ปี 63 มีจุดความร้อน 1.2 แสนจุด พบกว่าครึ่ง อยู่ในเขตป่า!!!

ภาพประกอบ

กรมป่าไม้ เผย ปี 63 พบจุดความร้อน 1.2 แสนจุด กว่าครึ่ง อยู่ในเขตป่า!!!

กรมป่าไม้เผยจุดความร้อนปี 63 พบกว่า 127,884 จุด ในเขตป่าร้อยละ 53 และนอกเขตป่าร้อยละ 47 คาดการณ์แนวโน้มไฟป่าลดลงชี้เหตุเชื้อเพลิงไหม้เกือบหมด จับตาระยะสุดท้ายก่อนฤดูฝน หมดห้วงห้ามเผา ป่าไม้จับมือท้องถิ่นจัดระเบียบการเผา หวั่นหมอกควันกระทบปชช.

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวถึงสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือว่า กรมป่าไม้ได้จับจุดความร้อนจากดาวเทียมใน 2 ระบบ คือ โมดิส (MODIS) และระบบเวียร์ (VIRS) ซึ่งระบบโมดิสจะสามารถจับจุดความร้อนในพื้นที่ความเสียหายประมาณ 2 งาน ซึ่งจะเกิดไฟป่าไหม้ในพื้นที่ไปเยอะแล้ว กรมป่าไม้จึงเน้นการตรวจสอบจุดความร้อนด้วยดาวเทียมระบบเวียร์ เพราะจะทราบทันทีในพื้นที่เสียหายเพียง 4 ตารางเมตร จะเป็นระบบเรียลไทม์ในทุกชั่วโมงเพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าถึงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วและเข้าดับไฟได้ทันที เพราะหัวใจสำคัญที่ป้องกันไม่ให้ไฟลุกลาม คือ การเข้าถึงพื้นที่ให้เร็วที่สุด

Advertisement

อรรถพล เจริญชันษา

เมื่อถามว่าสถานการณ์ไฟป่าในปี 2563 รุนแรงกว่าปีก่อนหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า หากเทียบในภาพรวมยังไม่มากถึงในปี 2562 แต่ถ้าเปรียบเทียบในช่วงระยะที่ 1 จุดความร้อนในปีนี้จะเยอะกว่า แต่ช่วงระยะกลาง และระยะสุดท้าย ตัวเลขยังไม่แน่นอน ยอมรับว่าในปีนี้ไฟป่ามาเร็วเพราะมีภัยแล้งจึงทำให้เชื้อเพลิงแห้งเร็วเกิดการลุกลามของไฟป่า แต่ในระยะกลาง คือ ประมาณกลางเดือนมีนาคม – กลางเดือนเมษายน และระยะสุดท้ายคือช่วงกลางเดือนเมษายน ไปจนถึงจะเข้าฤดูฝน ไฟป่าอาจจะน้อยลงเพราะเชื้อเพลิงถูกไหม้ไปเยอะแล้ว แต่ในระยะสุดท้ายต้องมาคุมเข้มอีกครั้ง เพราะหลายจังหวัดในภาคเหนือจะหมดห้วงเวลาห้ามเผา ซึ่งขึ้นอยู่ว่าในแต่ละจังหวัดจะกำหนดในช่วงเวลาใด เมื่อหมดห้วงเวลาห้ามเผาก็จะเริ่มมีการเผาอย่างอิสระ โดยกรมป่าไม้จะประสานความร่วมมือกับท้องถิ่น จัดระเบียบการเผาอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะส่งผลให้กลุ่มหมอกควันหนาแน่นในพื้นที่ ทั้งนี้หากพบเหตุไฟป่าสามารถแจ้งสายด่วน 1362

Advertisement

ทั้งนี้รายงานจากดาวเทียมในระบบเวียร์ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 – 11 มีนาคม 2563 พบจุดความร้อนรวมทั่วประเทศ จำนวน 127,884 จุด แบ่งเป็นจุดความร้อนในเขตป่า 67,466 จุด คิดเป็นร้อยละ 53 ของจุดความร้อนทั้งหมด แยกเป็นพื้นที่ป่าคงสภาพ 59,006 จุด (ป่าสงวนแห่งชาติ 20,806 จุด และป่าอนุรักษ์ 38,200 จุด) คิดเป็นร้อยละ 46 และพื้นที่เกษตรในเขตป่า 8,460 จุด คิดเป็นร้อยละ 7 และจุดความร้อนนอกเขตป่า 60,418 จุด คิดเป็นร้อยละ 47 ของจุดความร้อนทั้งหมด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image