เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ประธานคณะกรรมการสาธารณสุข และนายกสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ประชาชนตื่นตระหนกกันเนื่องจากมีเหตุการณ์ที่พบผู้ป่วยเป็นกลุ่มคน และเกิดความเข้าใจว่าขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 ว่า ขณะนี้ประชาชนตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งยิ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ จึงจะต้องทำความเข้าใจกัน
นพ.พรเทพ กล่าวว่า เมื่อเกิดการป่วยเป็นกลุ่มก้อน 11 ราย มีการตั้งคำถามว่า ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 แล้วหรือยัง ล่าสุด คณะกรรมการวิชาการและสมาคมเวชศาสตร์ป้องกันได้มีการหารือกัน ซึ่งมีตัวชี้วัด 3 ประการ ที่จะชี้ชัดว่าเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 หรือไม่ คือ 1.การระบาดติดต่อในวงกว้าง หลายจังหวัด อำเภอ ตำบล พื้นที่ 2.ระบาดติดต่อกันเกิน 4 รุ่น เมื่อถึงจุดนี้หลังจากนั้นเจ้าพนักงานควบคุมโรคจะค้นหายผู้สัมผัสเพิ่มเติมยาก แต่ยังไม่มีการติดต่อกันถึง 4 รุ่นในประเทศไทย ส่วนมากจะติดต่อกัน 2 รุ่น คือ ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศและติดต่อเชื้อกับคนในประเทศ และอาจจะมี 3 รุ่นเล็กน้อย และ 3.เป็นการระบาดติดต่ออย่างรวดเร็วในระยะเวลาที่สั้น เช่น หลายประเทศในยุโรป ที่ได้ทำการปิดประเทศไปเนื่องจากเข้าสู่การระบาดระยะที่ 3 อย่างรวดเร็ว ซึ่งไม่สามารถหาต้นตอของการแพร่ระบาดได้
“เราทำงานกันมากกว่า 100% แต่อยากขอร้องประชาชนที่จะหยุดยั้งโรคนี้ ไม่ให้ถ่ายทอดไปใน 3 ข้อ คือ กระจายหลายพื้นที่ กระจายลงไปหลายทอดคน และกระจายไปอย่างกว้างขวางได้รวดเร็ว อย่าไปตระหนกตกใจว่าระบาดระยะที่ 3 แล้ว จะต้องดูเป็นพื้นที่ว่าหมู่บ้านไหน อำเภอไหน คอนโดไหน หรือเขตใดมี 3 ข้อนี้หรือไม่ แต่หากมี สธ.จะต้องรีบเข้าไปจัดการ” นพ.พรเทพ กล่าว
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
นพ.พรเทพ กล่าวว่า ประชาชนเองก็ควรจะช่วยกันคือ 1.ตั้งกรรมการระดับพื้นที่ ที่ สธ.ได้ร่วมมืออยู่ เช่น เจ้าหน้าที่ส่งเสริมสุขภาพตำบล อาสาสมัครประจำหมู่บ้าน (อสม.) 2.ตั้งกรรมการระดับชุมชน เช่น คอนโดมิเนียมจะต้องมีนิติบุคคลมาคัดกรองผู้เข้า-ออก ทุกครั้ง และสำรวจว่ามีผู้ป่วยหรือไม่ 3.ขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือยกเลิกการเดินทางไปต่างประเทศทั้งหมด เนื่องจากมีการแพร่ระบาดใน 120 ประเทศ จาก 193 ประเทศแล้ว ควรยกเลิกการเดินทางไป 4.ขอให้เลิกจัดงานที่มีคนรวมกันกว่า 100 คน 5.หน้ากากอนามัยชนิดผ้าเพียงพอที่ใช้กับผู้ที่ไม่ป่วย เช่น ผ้าคอตตอล ที่สามารถป้องกันได้และซักได้หลายครั้ง
“ร้านอาหารควรจะมีช้อนกลางแยกส่วนตัว และมีการจัดโต๊ะที่นั่งให้ห่างกัน และหากผู้ที่เดินทางไปยังจุดที่มีการระบาด ให้แยกตัวเอง 14 วัน ขอให้มีวินัยอย่างยิ่ง แยกตัว แยกของใช้ อาหาร ไม่ให้ปนกับผู้อื่น เพราะว่าคนที่ท่านรักที่สุดคือคนในครอบครัว” นพ.พรเทพ กล่าว
นอกจากนี้ นพ.พรเทพ กล่าวว่า ผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหารในประเทศไทยว่าควรจัดที่นั่งให้มีความห่างไม่น้อยกว่า 75 เซนติเมตร เพราะหากยังจัดให้นั่งใกล้กัน ชิดกัน อาจจะไม่มีลูกค้าเข้าไปรับบริการได้ และทุกร้านควรจะมีการวัดอุณหภูมิลูกค้าก่อเข้าร้านด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าคนในร้านไม่มีคนที่มีไข้เข้ามา พร้อมให้บริการแอลกอฮอล์เจลล้างมือด้วย
“อยากให้คนมองในแง่บวก ไม่ไปค้นว่าร้านไหน ติดจากที่ไหน อยากให้มาคุยกันว่าร้านที่มีอยู่จะทำยังไงให้ขายดี จะป้องกันไม่ให้เกิดโลกได้อย่างไร” นพ.พรเทพ กล่าว
นพ.พรเทพ กล่าวว่า ขณะนี้มี 3 ประเทศแล้วที่ควบคุมสถานการณ์อยู่และไม่มีการเพิ่มขึ้นมากหรือเสียชีวิตมาก 1 ในนั้นมีประเทศไทยด้วย ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ รวมถึงฮ่องกง มาเก๊า ที่มีอัตราการเสียชีวิตน้อยลง มีผู้ป่วยรายใหม่น้อย นอกจากนี้ ประเทศไทยได้เตรียมตัวไว้มากกว่าทั้งเรียนของเจ้าหน้าที่ ทรัพยากรและเตียงรองรับผู้ป่วย ฉากทัศน์ที่จะเกิดความรุนแรงขอให้ยืดออกไปให้ได้ 1 ปี ซึ่งเรายืดมาได้เข้าถึงเดือนที่ 3 แล้ว เพื่อให้มีความพร้อมด้านยาและเครื่องมือมากว่านี้
“สิ่งเหล่านี้เป็นคือความหวังว่า เราไม่ได้เลวร้าย เพียงแต่ว่าเรายังไม่สามารถจัดการวินัยของคนในชาติได้ วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อน 20 คน ผมก็บอกว่าเลิกดีกว่า อย่าสร้างความเสี่ยงกันเลย เราประชุมทางไลน์กันได้ แต่ถ้าจำนวนต้องไปก็ไปกลุ่มเล็ก 3-5 คน อย่าไปกันเยอะๆ ขณะนี้เราไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เราจะต้องยืดเวลานี้ออกให้ได้ 1 ปี ถ้าประเทศไทยระบาดพร้อมประเทศจีน เขาก็มาช่วยเราไม่ได้ แต่ตอนนี้เขาเริ่มฟื้นตัวแล้วเขาก็ยื่นมือมาช่วยเรา โรคนี้ติดได้หากมารักษาเร็วๆ ช่วยกันดูแลคนในชุมชน ในหมู่บ้านและอย่าผลักดันเขาเข้ามุมมืด เพราะถ้าเขาลงใต้ดินไปแล้วเราจะจับเขาไม่ได้ เราตามไม่ได้ นั่นแหละจะเกิดวิบัติใหญ่เพราะมันแพร่กระจายอย่างรุนแรง เหมือนในหลายประเทศที่เกิดขึ้นมา” นพ.พรเทพ กล่าว
