สธ.เปิดความสัมพันธ์ 5 รายใหม่ติดเชื้อ “โควิด-19” โยง 11 คนแก๊งกินดื่ม เล็งถอดจีนพ้น ปท.เฝ้าระวัง

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีพบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เพิ่มอีก 5 ราย แบบเป็นกลุ่มก้อน ว่า มีผู้ติดเชื้อแบ่งเป็น 2 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 มี 2 ราย คือ ผู้ป่วยรายที่ 71 เป็นหญิงอายุ 36 ปี และผู้ป่วยรายที่ 72 เป็น ชายอายุ 37 ปี ทั้ง 2 รายเป็นผู้สัมผัสใกล้กับกลุ่มผู้ป่วย 11 ราย ที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ได้ติดตามครอบครัวและผู้ใกล้ชิดแล้ว สรุปจากข้อมูลคือกลุ่มเพื่อนที่ฮ่องกงเดินทางมาหาเพื่อนในประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 18 ราย และมีการติดเชื้อ 13 ราย

กลุ่มที่ 2 มี 3 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 57 ที่เป็น หญิงไทยอายุ 27 ปี กลับจากการเดินทางไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีใต้ ปัจจุบันรักษาอยู่ที่ รพ.นพรัตนราชธานี หลังจากที่กลับมาในระยะแรกได้ไปพบปะกลุ่มเพื่อนรวมทั้งหมด 11 ราย ที่ไปสถานบันเทิงแห่งหนึ่งที่มีคนนิยม โดยมีผู้ป่วยติดเชื้อจากรายนี้เพิ่มเติมคือ

ผู้ป่วยรายที่ 73 ชายไทยอายุ 19 ปี เป็น น้องชาย สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 57 เริ่มมีอาการป่วยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ด้วยอาการไข้ มีน้ำมูก มีเสมหะ เข้ารับการตรวจที่ รพ.เอกชน เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ปัจจุบันรักษาตัวอยู่ที่ รพ.เอกชน ผู้ป่วยรายที่ 74 เป็น หญิงอายุ 29 ปี เป็นเพื่อนกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 57 เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ด้วยอาการไข้ ไอแห้ง ไปรับการตรวจที่ รพ.เอกชน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม ให้ประวัติว่า ก่อนป่วยเมื่อวันที่ 4 มีนาคมปเที่ยวสถานบันเทิงกับเพื่อนชายและเพื่อนอีก 13 คน

Advertisement

ผู้ป่วยรายที่ 75 เป็น ชายไทยอายุ 37 ปี เป็นเพื่อนผู้ป่วยยืนยันรายที่ 74 เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 9 มีนาคม เข้ารักษาตัวที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ด้วยอาการเจ็บคอ มีน้ำมูก ให้ประวัติว่าร่วมสังสรรค์ที่สถานบันเทิงกับผู้ป่วยยืนยันรายที่ 74 ขณะนี้กำลังรอผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการของเพื่อนเที่ยวกลุ่มนี้อีก 8 คน

นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยได้เริ่มพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อน มีผู้ป่วยหลายรุ่น (Generation) สธ.จะแจ้งผู้ประกอบการที่ผู้ป่วยไปรับบริการเพื่อดำเนินการทำความสะอาดตามมาตรการของ สธ. รวมทั้งจะค้นหากลุ่มผู้สัมผัสเพิ่มเติม เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน

“ในส่วนการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ขณะนี้ สธ.ได้ขยายเครือข่ายความร่วมมือ มีห้องปฏิบัติการที่ผ่านการทดสอบความชำนาญทางห้องปฏิบัติการในเครือข่ายรัฐและเอกชน รวม 35 แห่ง โดยเป็นโรงพยาบาลทั้งภาครัฐ/เอกชน 20 แห่ง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 1 แห่ง และศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วประเทศ 14 แห่ง” นพ.สุขุม กล่าว

นพ.สุขุม กล่าวว่า ประเทศที่มีการพิจารณาความเสี่ยง เช่น ประเทศจีนมีอัตราของผู้ป่วยรายใหม่ลดลงมีแนวโน้มว่าจะพิจารณาให้ออกจากประเทศที่ต้องเฝ้าระวัง ส่วนประเทศอื่นๆ ที่มีคำแนะนำว่าจะต้องดูแลตนเองเมื่อกลับมาจากประเทศเหล่านี้รวมทั้งหมด 16 ประเทศ เช่น สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส อเมริกา สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ญี่ปุ่น สวีเดน เดนมาร์ก เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ เนื่องจากเป็นประเทศที่พบผู้ป่วยยืนยันมากกว่า 500 ราย และพบผู้ป่วยเพิ่มรายละวันประมาณ 100 ราย เมื่อกลับจากประเทศเหล่านี้ สธ.แนะนำให้ดูแลตนเอง ไม่สุงสิงกับคนอื่นๆ เลี่ยงการไปร่วมงานเลี้ยง เพื่อป้องกันการติดต่อเป็นกลุ่มก้อน

นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลง เริ่มแรกเราเฝ้าระวังเมืองอู่ฮั่น มาเป็น กวางโจว ฉงชิ่ง และเป็นประเทศจีน ต้องดูจากสถิติว่า 1.จำนวนผู้ป่วย 2.ผู้ป่วยใหม่ ดังนั้นการพิจารณาต่างๆ อยู่ที่ข้อมูลทางวิชาการ หากในวันนี้ประเทศจีนมีผู้ป่วยหลักหน่วย และสามารถควบคุมดูแลผู้ป่วยได้ ก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่จะต้องดูเพิ่มในอีก 15 ประเทศ ที่มีผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ใช่เป็นการดูอยู่ครั้งเดียวแล้วห้ามไปตลอด จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามหลักวิชาการ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่าสื่อออนไลน์มีการเรียกร้องให้ สธ.เปิดเผยข้อมูลด้านกิจกรรมของสังคมที่ผู้ป่วยได้ไป เพื่อให้คนพื้นที่นั้นๆ ป้องกันตัว นพ.สุขุม กล่าวว่า ในเบื้องต้น 8 จังหวัดที่ได้ประกาศว่ามีการเฝ้าระวังได้ยกเลิกไปแล้ว แต่ส่วนมากที่ดูคือกิจกรรมในกรุงเทพมหานคร ที่มีคนกลุ่มใดมีการพบปะกัน เช่น สถานบันเทิง ผับ เรื่องของการประกาศสถานที่ไม่ใช้เรื่องสำคัญ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของบุคคล เช่น กลับจากพื้นที่เสี่ยงก็จะไม่มาร่วมกิจกรรมทางสังคม ขอให้ประชาชนแต่ละคนมีพฤติกรรมที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยง

นพ.สุขุม กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศมีปัญหาของหน้ากาก N95 เนื่องจากมีอยู่ 2 แบบ แบบ 1 คือ หน้ากาก N95 ที่ใช้ป้องกันฝุ่น PM.25 และ แบบที่ 2 คือหน้ากาก N95 เป็นเกรดทางการแพทย์ที่ใช้ป้องกันเชื้อโรค ขณะนี้ สธ.มีประมาณ 40,000 ชิ้น และจะทำการกระจายไปทั่วประเทศ คาดว่าวันที่ 14 มีนาคมนี้ รพ.ในสังกัด สธ.จะได้หน้ากาก N95 ครบทุกแห่ง และมีการเตรียมสำรองไว้อีก 400,000 ชิ้น ที่กำลังนำเข้ามาและอีก 100,000 ชิ้น นำเข้าจากประเทศเวียดนาม และกำลังประสานงานกับประเทศจีนที่กำลังกลับเข้าสู่ระยะปกติที่เปิดโรงงานผลิตสินค้าได้ เพื่อขอสนับสนุนหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ 180 ล้านชิ้น และหน้ากาก N95 ประมาณ 1 ล้านชิ้น และชุด PPE อีก 1 ล้านชิ้น และได้รับการสนับสนุนยาจากประเทศจีน ญี่ปุ่น และได้นำวัตถุดิบจากอย่างจากอินเดียเพื่อนำเข้ามารักษา

นพ.สุขุม กล่าว่า กรมบัญชีกลางได้อนุมัติค่าเสี่ยงภัยต่อแพทย์ 1,500 บาทต่อเวร (8ชั่วโมง) บุคลากรอื่นๆ เช่น พยาบาล นักระบาด 1,000 บาทต่อเวร (8ชั่วโมง) นอกจากนี้ สำนักงบประมาณเร่งรัดงบกลางเบื้องต้น 1,200 ล้านบาท และวันนี้สนับสนุนเพิ่มด่วน เพื่อให้เกิดความครอบคลุมในระยะต่อไปด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image