ผู้เชี่ยวชาญยันไม่ร่วมมือ ไทยเจอ ‘โควิด-19’ ระยะที่ 3 แน่!

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. พร้อมด้วย นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข อาทิ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาคณะกรรมการโรคอุบัติใหม่ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ นพ.ไพจิตร์ วราชิต อดีตปลัด สธ. นพ.โสภณ เมฆธน อดีตปลัด สธ. นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ หารือมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล กล่าวว่า จากการที่ได้เข้ามาร่วมทำงานตามแนวทางที่รัฐบาลและ สธ. ได้ดำเนินการเรื่องโรคติดต่อ ยืนยันว่ามาถูกทางแล้ว จะพบว่าระยะแรกจะดำเนินการป้องกันที่ทำได้ดีพอสมควร แต่ด้วยโรคยังคงดำเนินต่อไป ขณะนี้เข้าสู่ระยะที่มีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น มาตรการที่ดำเนินต่อก็มีความชัดเจน ด้านโรงพยาบาล (รพ.) สถานพยาบาลต่างๆ มีความเตรียมพร้อม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนักวิชาการและหน่วยงานทุกกระทรวง

ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าวว่า สธ.รับมือกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 ได้ดีมาก ดูจากข้อมูลพบว่า 2 เดือนแรก พบผู้ป่วยไม่ถึง 200 ราย เสียชีวิต 1 ราย แต่ในสัปดาห์นี้มีผู้ป่วยเพิ่มวันละประมาณ 30-60 ราย เกิดจากผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มีอาการหรืออาการน้อยมากจนไม่ทราบว่าติดเชื้อ หรือผู้ที่ติดเชื้อแต่ไม่มาพบแพทย์ ไม่รับผิดชอบต่อสังคม และเป็นผู้แพร่เชื้อ จึงยืนยันว่า มาตรการของรัฐบาลกำหนดว่าไม่ให้มีการชุมนุมกันเกิน 50 คน หากไปเทียบมาตรฐานอื่นไม่ควรเกิน 20 คนด้วยซ้ำ เพราะมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย จึงต้องลดการแพร่เชื้อให้มากที่สุดในการเข้าชะลอการระบาดระยะที่ 3

Advertisement

“จากการศึกษาในประเทศจีนพบว่า ก่อนที่รัฐบาลของจีนจะใช้มาตรการที่เข้มข้น มีผู้ที่แพร่เชื้อโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อประมาณ 6 เท่า เช่น ประเทศไทยพบผู้ป่วยเมื่อวันที่ 18 มีนาคม มีผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสมที่ 212 ราย แต่จะมีจำนวนที่คูณด้วย 6 คือ 1,272 เป็นผู้ที่ติดเชื้อและแพร่เชื้ออยู่แต่ไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่น่ากลัว สิ่งสำคัญคือคนกลุ่มนี้ไปแพร่เชื้อที่ใดบ้าง จึงเป็นเหตุที่จะต้องออกมาตรการว่าไม่ให้มีการชุมนุมที่มีผู้คนเยอะๆ และจะต้องรักษาระยะห่าง 1 เมตร เพื่อลดการแพร่เชื้อ และการศึกษานี้ระบุว่าเมื่อประเทศจีนมีมาตรการที่เข้มข้นออกมาแล้วส่งผลให้ผู้ที่แพร่เชื้อโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองติดเชื้อเหลือ 0.5 เท่าของผู้ที่เชื้อ เช่น ประเทศไทยมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น ขณะมีผู้ป่วยสะสม 212 ราย ถ้าเป็น 0.5 คือ 106 เป็นผู้ที่ติดเชื้อและแพร่เชื้ออยู่แต่ไม่รู้ตัว ถ้าประชาชนไม่ทำตามคำแนะนำ ประเทศไทยเข้าระยะที่ 3 100% และจะเข้าเร็วๆ นี้ด้วย” ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.อุดมกล่าว

Advertisement

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่เพิ่มเพื่อน

 

 

ด้าน ศ.นพ.ยงกล่าวว่า คงไม่จบภายใน 2 เดือนนี้ และว่าที่ สธ.พยายามยื้อไม่ให้พบผู้ป่วยมาก ก็เพื่อรอให้มียา และวัคซีน รวมถึงเตรียมความพร้อมสถานพยาบาลเพื่อรับมือ ซึ่งเรื่องยาวันนี้มีแล้วและลดความรุนแรงของโรคได้

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image