- “หมออนามัย-เจ้าหน้าที่ รพ.สต.” เซ็งตกขบวนปี’63 จี้รัฐบาลทบทวนการบรรจุ ขรก.สาธารณสุขให้เป็นธรรม
เมื่อวันที่ 25 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เสนอบรรจุบุคลากรทางการแพทย์กว่า 4.5 หมื่นคน ทั่วประเทศ เป็นข้าราชการ ปรากฎว่ายังมีบุคลากรทางการแพทย์อีกจำนวนที่ตกหล่น ไม่ได้รับการพิจารณาในรอบนี้
ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เมษายน สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล กรณี ครม.อนุมัติอัตราข้าราชการใหม่ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยเรียกร้องให้ทบทวนหลักเกณฑ์การบรรจุข้าราชการทุกวิชาชีพและการบรรจุนักศึกษาจบใหม่อย่างเป็นธรรม
นายริซกี สาร๊ะ เลขาธิการสมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ กล่าวว่า เกณฑ์การจัดสรรข้าราชการ ซึ่งเป็นไปตามผลการพิจารณาของ อ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีบางประเด็น ไม่มีความเสมอภาค ไม่เป็นธรรม และเลือกปฏิบัติ ได้แก่
1.หมออนามัย หรือคนทำงานใน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ไม่สามารถบรรจุในรอบที่ 1 เดือน พฤษภาคม 2563 และรอบที่ 2 เดือนสิงหาคม 2563 ได้เลย แต่ให้ได้รับการบรรจุรอบที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นอีกปีงบประมาณ ถือว่าไม่เป็นธรรม เช่น สายงานเจ้าพนักงานทันตสาธารณสุขถูกบรรจุรอบที่ 3 มีถึง 3,154 คน หรือร้อยละ81.71% สายงานเจ้าพนักงานสาธารณสุขถูกบรรจุรอบที่ 3 มี 1,272 คน ร้อยละ53.62 และสายงานนักวิชาการสาธารณสุขถูกบรรจุรอบที่ 3 อีก 4,418 ราย หรือร้อยละ 41.45 ในขณะที่วิชาชีพอื่นๆ ล้วนได้บรรจุในรอบที่ 1 และ 2 เกือบทั้งสิ้น
2.มีการเลือกปฏิบัติในการบรรจุนักศึกษาจบใหม่ 5 สายงาน โดยมีสายงานแพทย์ ทันตแพทย์ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการทันที แต่กลุ่มเภสัชกร ให้บรรจุเป็นพนักงานราชการ ส่วนพยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการให้ทบทวนแผนกำลังคนอีกครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เป็นการเลือกปฏิบัติระหว่างวิชาชีพ
“สมาพันธ์บุคลากรสาธารณสุขชายแดนใต้ ขอเรียกร้องสิทธิให้หมออนามัย หรือคนทำงานในรพ.สต. ชายชายแดนใต้และทั่วประเทศ ให้ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการอย่างเป็นธรรม เสมอภาค ชัดเจน โปร่งใส และเกิดผลลัพธ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์โรคระบาดในปัจจุบัน โดยเสนอให้รัฐบาล คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และสธ. ทบทวนมติ ครม. และมติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการทบทวนทางเลือกหลักเกณฑ์การบรรจุข้าราชการทุกวิชาชีพและการบรรจุนักศึกษาจบใหม่ ที่จะต้องพิจารณาอย่างเป็นธรรม” นายริซกี กล่าว
