ปลูกป่า 152 ล้านกล้า ฟื้นฟูป่าภาคเหนือ นำร่อง เชียงใหม่ เผยไฟทำเสียหายกว่า 16 ล้านไร่มากสุดเป็นประวัติกาล

ปลูกป่า 152 ล้านกล้า ฟื้นฟูป่าภาคเหนือ นำร่อง เชียงใหม่ เผยไฟทำเสียหายกว่า 16 ล้านไร่มากสุดเป็นประวัติกาล

ปลูกป่า 152 ล้าน ต้นกล้า ฟื้นฟูป่าภาคเหนือ นำร่อง เชียงใหม่ เผยไฟทำเสียหายกว่า 16 ล้านไร่มากที่สุดเป็นประวัติกาล วราวุธ แฉเหตุเผา ล่าสัตว์ กับเผาไร่ ที่สำคัญ จนท.ขัดแย้งกันเอง ด้านปลัดทส.ผุดแอปพลิเคชั่นติดตามการเติบโตต้นไม้ที่ปลูก ลบคำครหาประชาชนว่าปลูกแล้วป่าไปไหน

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ตั้งแต่ช่วงเช้า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีทส. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดทส. เปิดโครงการรวมใจไทย ปลูกต้นไม้ เพื่อฟื้นฟูป่า และเพื่อพื้นที่สีเขียว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดภาคเหนือ 9 จังหวัด เข้าร่วม บริเวณป่าดอยสุเทพ บ้านศาลา(ห้วยตึงเฒ่า) หมู่ที่ 3 ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่รวม 210 ไร่ ซึ่งเป็นบริเวณที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า ช่วงเดือน มกราคม-มีนาคม ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน ก็มีหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ร่วมปลูกปลูกพร้อมกันทั้ง 25 อำเภอในเวลาเดียวกัน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบาย ปลูกฟื้นฟูสภาพป่า เพื่อให้เป็นไปตามพระบรมราโชบาย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 และ ร.10 เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว และสนับสนุนให้ประชาชนได้มีการปลูกไม้ยืนต้นในพื้นที่ตนเอง เพราะรัฐบาลมีนโยบาย ในการปลูกต้นไม่มีค่า ที่สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในอนาคต และเป็นสมบัติให้กับครอบครัวได้

นายวราวุธ กล่าวว่า สถานการณ์ไฟป่าปี 2563 รุนแรงมาก มีพื้นที่ป่าไม้ได้รับความเสียหายจำนวน มากกว่า 16 ล้านไร่ ทั้งในป่าสงวน และป่าอนุรักษ์ ทส.จึงเตรียมกล้าไม้ 152 ล้านกล้า ปลูกในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด และทั่วประเทศ เช่น ภาคเหนือ 33,500 ไร่ แบ่งเป็น เชียงใหม่ 10,000 ไร่ ลำปาง 10,000 ไร่ ตาก 5,000 ไร่ แม่ฮ่องสอน 3,000 ไร่ ลำพูน เชียงราย น่าน จังหวัดละ 1,000 ไร่ เป็นต้น และจะปลูกในอีก 22 จังหวัด ทั่วประเทศอีก 49,000 ไร่ นอกจากนี้ได้ดึง 802 หมู่บ้าน ทั่วประเทศ มาเป็นเครือข่ายในการฟื้นฟูป่า

Advertisement

นายจตุพร กล่าวว่า ทส. ได้ประสานกับ ทีโอที เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชั่น เพื่อติดตามตรวจสอบ การฟื้นฟูป่าทั้งหมด เพราะที่ผ่านมาการปลูกป่าประชาชนมีความกังวลใจว่า ป่าที่ปลูกไปปลูกที่ไหน ตรวจสอบได้หรือไม่ ปลูกแล้วจะโต หรือไม่ ซึ่งคนไม่สบายจ ดังนั้น แพลตฟอร์ม และแอปพลิเคชั่น จะสามารถตรวจสอบได้เลย ว่าป่าที่ปลูกมีสภาพอย่างไร อยู่พื้นที่ไหน

ต่อมา พล.อ.ประวิตร เดินทางไปเป็นประธานการประชุมการป้องกัน และแก้ปัญหาไฟป่า และหมอกควันอย่างยั่งยืน ที่หอประชุมเฉลิมประเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงใหม่
โดยนายวราวุธ กล่าวว่า ทส.ได้สรุปบทเรียนถึงสาเหตุ ปัญหา อุปสรรคของไฟป่าที่เกิดขึ้น พบว่าสาเหตุส่วนใหญ่ เกิดจากการเผาเพื่อล่าสัตว์ และเผ่าไร่ในป่า ในพื้นที่ตัวเอง และควบคุมไม่ได้ จนลามเข้าสู่ป่าอนุรักษ์ ซึ่งปีนี้ดอยสุเทพเสียหายที่สุดเป็นประวัติกาล นอกจากนี้ยังมีปัญหาความขัดแย้งระหวางเจ้าหน้าที่กับเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่กับประชาชน และประชาชาน กับประชาชน จนเกิดการเผา นอกจากนี้ประชาชนยังรู้สึกไม่มีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ขณะที่อุปกรณ์ป้องกันไฟป่าก็ไม่ทันสมัย ทั้งเฮลิคอปเตอร์ โดรน การรายงานจุดความร้อนไม่ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การแก้ปัญหาไฟป่าที่ผ่านมาขอให้เป็นบทเรียน จากนี้ไป การป้องกันแก้ปัญหาไฟป่าจะต้องมีอย่างต่อเนื่องเรื่องเป็นรูปธรรม ให้มีการจัดชุดพิทักษ์ป่าประจำหมู่บ้านในหมู่บ้านเสี่ยง ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนื่อ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า จัดหาอุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัย และเครื่องมือการดับไฟป่าที่เพียงพอ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้รับผิดชอบหลัก ที่สำคัญหัวใจการดับไฟป่าจะต้องดึงประชาชน มาเป็นแนวร่วม

 

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image