ก.แรงงาน ย้ำให้ความสำคัญ ‘แรงงานข้ามชาติ-สกัดค้ามนุษย์’ ทุกทาง

ก.แรงงาน ย้ำให้ความสำคัญ ‘แรงงานข้ามชาติ-สกัดค้ามนุษย์’ ทุกทาง

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นางเธียรรัตน์ นะวะมะวัฒน์ รองปลัดกระทรวงแรงงาน ร่วมสานเสวนาในหัวข้อ “จากมือถึงมือ สู่นโยบายการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติในสถานการณ์ COVID-19 และสถานการณ์ปัญหาค้ามนุษย์ด้านแรงงานในไทยยังคงมีปรากฎหรือไม่อย่างไร” ณ ศูนย์พักพิงฟื้นฟูเยียวยาและฝึกอบรมผู้ประสบปัญหาด้านแรงงาน หรือ บ้าน LPN ถนนคลองบางหลวงไหว้พระ ต.คลองบางหลวง อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี

นายดวงฤทธิ์ กล่าวถึงสถานการณ์แรงงานต่างด้าวในประเทศไทยว่า ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานทั่วราชอาณาจักร จำนวน 2,589,353 คน ซึ่งการใช้แรงงานต่างด้าวในประเทศไทยนั้น จะต้องคำนึงถึงหลักสำคัญ 3 ประการ คือ ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ต้องไม่กระทบต่อวิถีชีวิตคนไทย เช่น ไม่แย่งอาชีพคนไทย ไม่นำโรคติดต่อร้ายแรงเข้ามาในประเทศไทย เป็นต้น และเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
ของประเทศ กระทรวงแรงงาน จึงได้มีการจัดระเบียบการนำเข้าแรงงานต่างด้าวเข้ามาในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศโดยนำเข้าเท่าที่จำเป็น และแรงงานต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจะได้รับการคุ้มครองแรงงานภายใต้หลักสิทธิมนุษยชน ตลอดจนเป็นการป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน

“สำหรับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด–19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ได้แก่ ด้านต่างประเทศ ชะลอการอนุมัตินำเข้าแรงงานต่างด้าวทุกขั้นตอนตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ การผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าวสามารถอยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไปจนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 และผ่อนปรนให้แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางและได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานไทย ภายใต้ MOU ด้านแรงงานและแรงงานกัมพูชาและเมียนมาที่ถือบัตรผ่านแดน โดยอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน -วันที่ 31 กรกฎาคม 2563″ นายดวงฤทธิ์ กล่าว

Advertisement

นอกจากนี้ นายดวงฤทธิ์ กล่าวว่า ด้านป้องกันตรวจสอบคัดกรองและเฝ้าระวังแรงงานต่างด้าว ณ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (PIPO) ขอความร่วมมือสถานประกอบการทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่ลูกจ้างและผู้ประกันตนในสถานประกอบการ เรื่องไวรัสโควิด-19 และการปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) สร้างความเข้าใจเรื่องมาตรการเยียวยาลดผลกระทบ มอบสิ่งของบรรเทาทุกข์ มีกระบวนการคัดกรอง และการกักตัวเอง 14 วัน ตามที่ สธ.กำหนด ด้านเยียวยาการให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ประกันตนที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 การปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานลดหย่อนอัตราเงินสมทบ และขยายกำหนดเวลายื่นแบบอัตราเงินสมทบนายจ้างและผู้ประกันตน ส่วนภายหลังสถานการณ์ผ่อนคลาย จะส่งเสริมการจ้างงานคนไทยให้เข้าสู่ระบบการจ้างงาน จัดทำข้อมูลความจำเป็นในการใช้แรงงานต่างด้าวในประเทศ และเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวอย่างเป็นระบบ

ขณะที่ นางเธียรรัตน์ กล่าวถึงสถานการณ์ค้ามนุษย์ด้านแรงงานในประเทศไทยว่า กระทรวงแรงงานได้ให้ความสำคัญและพยายามแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงาน ตลอดจนแก้ไขปัญหาด้านแรงงานในภาคประมงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แรงงานทุกสัญชาติได้รับการดูแล คุ้มครอง ช่วยเหลือ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ได้รับสิทธิตามกฎหมายและมาตรฐานสากล จนทำให้สหภาพยุโรป (EU) ประกาศปลดใบเหลืองประมงให้กับประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาได้จัดให้ไทยอยู่ในระดับเทียร์ (Tier) 2 ติดต่อกัน 2 ปี และประเทศไทยได้รับการจัดอันดับการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในกรอบสหประชาชาติ (UN SDGs) อันดับที่ 40 ของโลก เพิ่มขึ้น 19 อันดับจากปีที่แล้วและเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ซึ่งเกิดจากความพยายามและความร่วมมือของทุกภาคส่วน

Advertisement

“กระทรวงแรงงานจะยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้า พัฒนากรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)แรงงานสัมพันธ์ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เพื่อให้การรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ฉบับที่ 98 ว่าด้วยการรวมตัวและเจรจาต่อรอง ตลอดจนให้ความสำคัญกับการบูรณาการตรวจแรงงานในกิจการกลุ่มเสี่ยงให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ และเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ด้านแรงงานทั้งระบบ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการปกป้องคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ตามหลักสิทธิมนุษยชน เพื่อขจัดปัญหาการค้ามนุษย์ด้านแรงงานให้หมดไปจากประเทศไทยอย่างยั่งยืน” รองปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image