สคอ.เรียก “คุณหญิงต้น” แจงโพสต์ถือขวดเบียร์ร้านเจ๊ไฝ เผยเคสเดียวกันชาวบ้านโดนกันอื้อ

เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน กรณี ม.ล.ปียาภัสร์ ภิรมย์ภักดี หรือคุณหญิงต้น อดีตนักแสดงและนักธุรกิจจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชื่อดัง โพสต์ภาพถ่ายกับนายจุตินันท์ ภิรมย์ภักดี สามี และ เจ๊ไฝเจ้าของร้านอาหารชื่อดังย่านประตูผี ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว โดยมีบุคคลในภาพถือขวดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลังจากนั้นมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมากระบุว่าแฝงโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และล่าสุดภาพดังกล่าวถูกลบออกจากอินสตาแกรมแล้วนั้น

นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สคอ.) กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ได้รับทราบเรื่องจากนิติกร เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา เนื่องจากมีประชาชนแจ้งข้อมูลและได้ส่งหลักฐานมายังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ นิติกรได้ตรวจสอบข้อมูลและทะเบียนราษฎร์ของคุณหญิงต้นแล้ว และเตรียมส่งหนังสือเรียกเพื่อให้เข้ามาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“กรณีนี้เป็นคนดัง เราก็ปฏิบัติตามกฎหมายเหมือนกับทุกคน ไม่สามารถเข้าไปจับได้ทันที จะต้องมีขั้นตอน กระบวนการ และขณะนี้กำลังส่งหนังสือไปเพื่อเรียกเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เราไม่เลือกปฏิบัติ เราทำเหมือนกับเคสอื่นๆ และถึงแม้ภาพถูกลบไปแล้ว แต่ข้อมูลเบื้องต้นยังมีหลักฐานอยู่ ก็จะเหมือนเคสอื่นๆ ที่สามารถดำเนินการได้ หากพบว่ามีความผิดจริง ขอย้ำว่าเราต้องดำเนินการตามหลักฐาน” นพ.นิพนธ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรา 32 พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 กำหนดว่า ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม การโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ใดๆ โดยผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทให้กระทำได้ เฉพาะการให้ข้อมูลข่าวสาร และความรู้เชิงสร้างสรรค์สังคม โดยไม่มีการปรากฏภาพของสินค้า หรือบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น เว้นแต่เป็นการปรากฏของภาพสัญลักษณ์ของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสัญลักษณ์ของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นเท่านั้น ทั้งนี้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง บทบัญญัติในวรรคหนึ่งและวรรคสอง มิให้ใช้บังกับการโฆษณาที่มีต้นกำเนิดนอกราชอาณาจักร

Advertisement

ส่วนการกำหนดโทษในมาตรา 43 ระบุว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 32 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากต้องระวางโทษตามวรรคหนึ่งแล้ว ผู้ฝ่าฝืนยังต้องระวางโทษปรับอีกวันละไม่เกิน 50,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเครือข่ายภาคประชาชนได้ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรานี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมายโดยจับปรับกับผู้ที่โพสต์รูปภาพ และข้อความทั้งที่เป็นประชาชนทั่วไป ทางเครือข่ายเห็นว่าไม่เข้าตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จึงออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 32

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image