ปชช.ตื่นตัวปลูกต้นไม้ หวังมีรายได้อนาคต แห่รับบัตรคิวขอกล้าไม้ฟรี! ก่อนฟ้าสาง

ปชช.ตื่นตัวปลูกต้นไม้ หวังมีรายได้อนาคต แห่รับบัตรคิวขอกล้าไม้ฟรี ! ก่อนฟ้าสาง

นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากกรณีที่มีพี่น้องประชาชนให้ความสนใจมาขอรับกล้าไม้จากกรมป่าไม้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่สถานีเพาะชำกล้าไม้บ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น มีประชาชนเดินทางมายังสถานีเพาะชำ ตั้งแต่เวลา 04.00 น. ซึ่งทางสถานีเพาะชำกล้าไม้บ้านฝาง ได้มีการวางระเบียบแนวทางในการขอรับกล้าไม้ของทางสถานี เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดมาตรการแนวทางปฏิบัติในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาด

ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดย ประชาชนทุกรายที่เดินทางมาขอรับกล้าไม้จะได้รับบัตรคิวพร้อมทั้งแจ้งวันเวลาในการเดินทางเข้ามารับกล้าไม้เพื่อเป็นการลดความแออัด โดยที่ประชาชน 1 ราย สามารถขอรับกล้าไม้ได้คนละไม่เกิน 300 ต้น และทางสถานีกำหนดแจกบัตรคิวจำนวน 200 คิวต่อวัน ซึ่งตั้งแต่วันที่ 22-26 มิถุนายน ในระยะเวลา 5 วัน ปรากฏว่ามีจำนวนประชาชนสนใจเดินทางมาขอรับกล้าไม้ทั้งสิ้นจำนวนกว่า 1,500 ราย มีกล้าไม้ที่จะแจกจ่ายออกไปให้กับประชาชนจำนวนมากกว่า 450,000 ต้น โดยต้นไม้ที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการขอรับกล้าไม้ไปปลูกได้แก่ พะยูง ยางนา ประดู่ มะค่าโมง ตะเคียนทอง เป็นต้น และทางสถานีเพาะชำกล้าไม้จะเริ่มแจกจ่ายกล้าไม้ ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 เป็นต้นไป เพื่อรอให้กล้าไม้

มีความแข็งแรงสมบูรณ์ เจริญเติบโตได้ขนาดเป็นกล้าไม้พันธุ์ดี ซึ่งกรมป่าไม้กำหนดและควบคุมมาตรฐานของกล้าไม้ให้ได้ทั้งขนาด อายุที่เหมาะสม โดยต้องเป็นกล้าไม้ที่มีขนาด 30 เซนติเมตร และอายุประมาณ
4-5 เดือน ซึ่งเป็นกล้าไม้ที่มีความแข็งแรง และความสมบูรณ์เหมาะแก่การนำไปปลูก เพื่อให้กล้าไม้มีโอกาส

Advertisement

ในการเจริญเติบโตสูงขึ้น เพื่อที่จะส่งมอบให้กับประชาชนนำกลับไปปลูกให้เจริญเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ที่มีคุณภาพ โดยกำหนดการเดินทางเข้ามารับกล้าไม้ต่อวัน จำนวน 80 คิว แบ่งเป็น 2 ช่วง ในช่วงเช้า 40 คิว
และช่วงบ่าย 40 คิว เพื่อเป็นการลดความแออัดของประชาชนที่มารอรับกล้าไม้และเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)

โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์การตื่นตัวของประชาชนที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการที่รัฐบาลได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยการปลดล็อคมาตรา 7 ซึ่งกำหนดเกี่ยวกับไม้หวงห้าม

ที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายที่ดิน หรือไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิ ให้ถือว่าไม่เป็นไม้หวงห้าม โดยปลดล็อคไม้หวงห้าม จำนวน 158 ชนิด เช่น ไม้สัก ไม้ยาง ไม้พะยูง และไม้หายาก จำนวน 13 ชนิด เช่น กระเบา มะแข่น จันทน์หอม ตีนเป็ดแดง เป็นต้น ให้สามารถปลูกและตัดขายได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อเป็นการช่วยเสริมให้ประชาชนสามารถมีรายได้ในอนาคตจากไม้มีค่า ช่วยเหลือประชาชนสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ให้ครัวเรือน นอกจากนี้ไม้ที่ปลูกสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน และเป็นมรดกให้กับครอบครัวในอนาคต อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ และเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศ

Advertisement

นอกจากนี้กรมป่าไม้ยังมีระบบติดตามอัตราการรอดตายของต้นไม้ที่ปลูก โดยการลงทะเบียนไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์(e-tree)ผ่านเว็บไซด์กรมป่าไม้ www. https://fp.forest.go.th/rfd_app/rfd_survey_m7/app/index.php ทั้งนี้ในอนาคตเมื่อต้นไม้เจริญเติบโตสามารถตัดนำมาใช้ประโยชน์ การลงทะเบียนจะช่วยรองรับระบบการค้าไม้จากการปลูกป่าได้อีกด้วย

เนื่องจากประชาชนมีความต้องการกล้าไม้จำนวนมากจึงเป็นห่วงเรื่องกล้าไม้ไม่พอแจก อาจสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่มาทีหลังและไม่ได้รับกล้าไม้ ทั้งนี้ กรมป่าไม้จึงได้เตรียมการวางแผนในอนาคตในเรื่องการเพิ่มปริมาณการเพาะชำกล้าไม้ การหาภาคีเครือข่ายที่จะมาช่วยสนับสนุนในส่วนของการเพาะชำกล้าไม้ พร้อมทั้งวางแผนสำหรับการเตรียมความพร้อมที่จะแจกจ่ายกล้าไม้ให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชนอย่างเร่งด่วนต่อไป
โฆษกกรมป่าไม้ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image