รมว.เฮ้ง ยันไม่ทิ้งแรงงานต่างด้าวประมง สั่งเจ้าหน้าที่ติดตามปัญหาเร่งช่วยทุกทาง

รมว.เฮ้ง ยันไม่ทิ้งแรงงานต่างด้าวประมง สั่งเจ้าหน้าที่ติดตามปัญหาเร่งช่วยทุกทาง

เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสุทธิ สุโกศล ปลัดกระทรวงแรงงาน นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่ จ.ระยอง ทั้งนี้ นายสุชาติได้สั่งติดตามปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคกิจการประมง พร้อมย้ำว่าจะนำปัญหาที่ได้รับไปแก้ไขเพื่อให้เกิดความเหมาะสมและลดผลกระทบกับแรงงาน ให้มากที่สุด

นายสุชาติ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับพี่น้องแรงงานทั้งแรงงานไทยและต่างด้าว เพราะเป็นทรัพยากรบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความเจริญเติบโตของประเทศ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล ที่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทำให้เกิดปัญหาการขาดแรงงานในภาคประมงจึงกำชับเจ้าหน้าที่คุมเข้มมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างความเชื่อมั่นรองรับการฟื้นฟูและขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

“กระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคประมง รวมทั้ง ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเร่งวางมาตรการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มแรงงานประมงทะเล เพื่อให้การค้ามนุษย์หมดไปจากประเทศไทย รวมทั้งให้ความสำคัญกับการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวด้วย ซึ่งถึงแม้สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยจะเริ่มเบาบางลง แต่กระทรวงแรงงานจะยังคงคุมเข้มในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในกิจการประมงทะเลอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยจะตรวจสอบแรงงาน ทั้งก่อนออกไปทำการประมงหรือหลังจากกลับจากการทำการประมง ณ ท่าเทียบเรือ ภายใต้การดำเนินการของ ศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้า – ออกเรือประมง (PIPO) จำนวน 30 แห่ง ใน 22 จังหวัดชายทะเล รวมทั้ง จัดเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบคัดกรอง เฝ้าระวังแรงงานต่างด้าว พร้อมประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้เกี่ยวกับโรคโควิด–19 เพื่อให้มีความรู้ และปฏิบัติตนตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยเจ้าหน้าที่จะคัดกรองเชื้อก่อนทำการตรวจใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่น ซึ่งจากการตรวจสอบ ยังไม่พบการกระทำความผิด คนต่างด้าวมีใบอนุญาตทำงานถูกต้อง และยังไม่พบ แรงงานที่มีภาวะเสี่ยง” นายสุชาติ กล่าว

ด้านอธิบดี กกจ. กล่าวเพิ่มเติมว่า จ.ระยองเป็นจังหวัดที่มีคนต่างด้าวเข้ามาทำงานมากเป็นลำดับต้นๆ ของประเทศ ปัจจุบันมีคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในพื้นที่ทั้งสิ้น 67,895 คน (นายจ้าง 12,024 ราย) โดยเป็น 1.แรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ จำนวน 55,431 คน (กัมพูชา 39,582 คน เมียนมา 12,178 คน ลาว 3,671 คน) คิดเป็น ร้อยละ 81.64 จำแนกเป็น เข้าเมืองถูกต้องตามกฎหมาย (ตามเอ็มโอยู) จำนวน 30,672 คน และ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 จำนวน 24,759 คน 2.คนต่างด้าวระดับฝีมือชำนาญการ จำนวน 11,109 คน คิดเป็นร้อยละ 16.36 และ 3.กลุ่มบุคคลพื้นที่สูง จำนวน 1,355 คน คิดเป็นร้อยละ 2.00 ขณะที่มีแรงงานต่างด้าวในกิจการประมงทะเล จำนวน 6,835 คน มีความต้องการแรงงานประมง 3,580 คน

Advertisement

“โดยประเภทกิจการที่คนต่างด้าวทำงานมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 1.กิจการก่อสร้าง 10,728 คน 2.กิจการเกษตรและปศุสัตว์ 10,724 คน 3.กิจการต่อเนื่องการเกษตร 6,985 คน 4.กิจการต่อเนื่องประมง 5,305 คน 5.กิจการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม 4,077 คน สัญชาติที่เข้ามาทำงานมากที่สุด คือ กัมพูชา เมียนมา และลาว” อธิบดี กกจ. กล่าวและว่า ส่วนการนำคนต่างด้าวเข้ามาทำงานตามระบบเอ็มโอยู ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2563 กกจ.ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดงดการยื่นเรื่องนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา ทุกขั้นตอน จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สงบ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image