อนุทิน จ่อชงกัญชาเข้าบัญชียาหลัก รักษาถ้วนหน้า สร้างรายได้

อนุทิน จ่อชง กัญชาเข้าบัญชียาหลัก รักษาถ้วนหน้า เผย อย.ร่าง พ.ร.บ.ได้ ปย.มากกว่านโยบายปลูกบ้านละ 6 ต้น

เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม ที่อาคารฟอรั่ม อิมแพ็คอารีนา เมืองทองธานี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “กัญชงพืชเศรษฐกิจใหม่ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ในการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถปลูกแปรรูปเฮมพ์ (กัญชง) เป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพ

นายอนุทินกล่าวว่า อาจจะเริ่มช้าเกินไป เนื่องจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เข้ามาแทรกทำให้ความล่าช้าไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม สธ.ยืนยันว่าจะไม่หยุดดำเนินการนโยบายทำให้กัญชงและกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้มีความก้าวหน้ามั่นคง มั่งคั่ง แก่ประชาชน ตามเจตนารมณ์ “ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน” โดยน่าจะเป็นรัฐบาลแรกที่มีการกำหนดให้พัฒนากัญชา-กัญชง เป็นเพื่อเศรษฐกิจซึ่งรัฐบาลได้เปลี่ยนมุมมองและทัศนะที่มีต่อพืชกัญชา-กัญชง จากพืชเศรษฐกิจให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีประโยชน์ต่างๆ แทน

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แถลงนโยบาย ในวาระการเข้ารับตำแหน่งต่อรัฐสภา ตอนหนึ่งว่า ให้เร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา-กัญชงและพืชสมุนไพรทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้ประชาชน โดยกำหนดกลไกการดำเนินงานที่รัดกุมเพื่อไม่ให้เกิดกระทบทางสังคมตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด” รัฐมนตรีว่าการ สธ.กล่าว

Advertisement

นายอนุทินกล่าวว่า นโยบายรัฐบาลมีสาระสำคัญ 3 ประการ คือ 1.เร่งศึกษาวิจัย และพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา-กัญชงและพืชสมุนไพรในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์และผลิตภัณฑ์อื่น 2.สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ของประชาชน และ 3.กำหนดกลไกการดำเนินงานที่รัดกุม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบทางสังคมตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ สธ.โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คือหน่วยงานสำคัญ ที่ต้องนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ เพื่อก้าวผ่านให้บรรลุตามเป้าหมายนโยบายรัฐบาล โดยมีสิ่งที่ อย.และหน่วยงานต่างๆ ใน สธ.ต้องรีบทำคือ 1.ปรับเปลี่ยนมุมมอง ทัศนะคติที่มีต่อกัญชา-กัญชง จากเศรษฐกิจที่มีโทษให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีคุณค่า หากไม่เปลี่ยนวิธีคิด จะไม่มีทางทำให้นโยบายกัญชา-กัญชงทางการแพทย์ให้เป็นผลสำเร็จได้

นายอนุทินกล่าวว่า 2.ต้องสร้างกฎระเบียบต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้มีการวิจัย ศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา-กัญชง ทั้งในอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ตลอดจนผลิตภัณฑ์อื่นๆ ต้องแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นปัญหา อุปสรรค เป็นข้อจำกัด ให้เป็นกฎระเบียบที่เอื้อ สนับสนุนทั้งภาครัฐและเอกชน เร่งศึกษาวิจัยเทคโนโลยีการใช้กัญชา-กัญชง ทั้งนี้จะไม่จำกัดเฉพาะการแพทย์เท่านั้น ควรเปิดกว้างไปสู่การพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้ภาคธุรกิจ ประชาชน ตลอดจนเกษตรกรและผู้ลงทุนทั่วไปด้วย 3.สนับสนุนการพัฒนากัญชา-กัญชง รวมทั้งพืชสมุนไพรทางการแพทย์ อุตสาหกรรมการแพทย์ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเชิงเศรษฐกิจ เพื่อสร้างโอกาสทาง เศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้กับประชาชน ทั้งรูปแบบยาแผนปัจจุบัน แผนโบราณ สมุนไพร อาหาร เครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและเส้นใย โดยจะต้องมีกฎเกณฑ์ และข้อกำหนดในการใช้แตกต่างกันตามลักษณะของผลิตภัณฑ์ กฎเกณฑ์ระเบียบของ อย.ปัจจุบันนี้ หากยังไม่เอื้อ ยังไม่สนับสนุน สธ.พร้อมที่จะแก้ไขปรับปรุง เพื่อให้มีโอกาสพัฒนาให้เข้าถึงกัญชา-กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจให้เป็นผลสำเร็จโดยเร็วที่สุด

นายอนุทินกล่าวว่า 4.การสร้างกฎระเบียบ และมาตรการควบคุมการใช้กัญชา-กัญชง นอกเหนือจากแนวทางเศรษฐกิจตามนโยบาลของรัฐบาล จะต้องมีลักษณะของการควบคุมแต่ไม่ใช่การสกัดกั้นหรือปิดโอกาส ให้ประชาชน หรือเกษตรกรรายย่อย ที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาลได้สร้างรายได้ให้กับตัวเอง การออกข้อกำหนดที่มากเกินจำเป็น ยากต่อการปฏิบัติได้ คืออุปสรรคของการทำให้นโยบายของรัฐบาลบรรลุเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม จะต้องดำเนินการกับผู้ละเมิดอย่างจริงจังและเคร่งครัด ไม่มีการละเว้น ไม่มีสิทธิพิเศษให้แก่ใครคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะตัว

“ผมขอยืนยันกับทุกคนว่า ในทุกวันๆ ที่ผมได้หารือกับเลขาธิการ อย. เกี่ยวกับเรื่องกัญชา-กัญชา ผมได้เน้นย้ำเรื่องการอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอน การที่ทำให้กฎระเบียบต่างๆ สามารถปฏิบัติได้โดยไม่ผิดกฎหมายไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ไม่ทำความเดือดร้อนให้กับประชาชน และต้องมีข้อกำหนดที่จะไม่ให้นำกัญชา-กัญชง ไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ขอให้มีความเชื่อใจและไว้วางใจ หลังจากปลุกปล้ำกับ อย.มา 1 ปีแล้ว ก็เข้าใจเจตนารมณ์ของรัฐบาล และนโยบายกัญชา-กัญชง ที่กระทรวงฯ ควรจะสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึง ได้ออกกฎกระทรวง ออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา ที่ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ตอนนี้ส่งไปที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อตรวจทานอีกครั้งและจะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฏรและรัฐสภา เพื่อออกเป็นกฎหมายในแง่ที่ดีต่อไป” นายอนุทินกล่าว

นายอนุทินกล่าวว่า ใน พ.ร.บ.กัญชา นั้น อย.ได้ร่างออกมาโดยไม่ได้มีความกดดันใดๆ จากภาคการเมือง และเนื้อหาใน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว มีการเปิดกว้าง ลดกฎระเบียบ เพิ่มความครอบคลุมมาก ในวันนี้จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง 6 ต้นแล้ว หากเป็นแพทย์ทั้งแผนปัจจุบัน ทางเลือกและแผนไทย ผู้ป่วย ประชาชนทั่วไป หรือผู้ลงทุนในการใช้กัญชาสร้างผลิตภัณฑ์ สามารถมาขออนุญาต อย.สามารถปลูกเพื่อรักษาตนเอง หรือ เสริมสร้างรายได้ เนื้อหาใน พรบ.กัญชา เปิดกว้างมากกว่านโยบายของพรรคของตนที่ได้เริ่มมาตั้งแต่แรก ในเวลา 1 ปีที่ อย.ทุ่มเทให้นโยบายกัญชา-กัญชง ของ สธ.ให้สำเร็จ ก็ได้พยายามหาทางออก โดยเน้นการสร้างความสะดวกให้ประชาชนได้เข้าถึงการใช้สารสกัดกัญชา-กัญชงให้มากที่สุด

“ขณะนี้ พ.ร.บ.นี้ผ่านที่ประชุม ครม.ที่ประกอบด้วยพรรคร่วมรัฐบาล ในเบื้องต้นจะต้องมีจำนวนผู้สนับสนุนมากกว่าอยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจ ร่าง พ.ร.บ.นี้หากจะมีการประบปรุงหลังจากนี้ ก็จะมีการปรับปรุงให้กระชับ ไม่ขัดกับกฎหมายอื่นๆ ที่มากระทรวงอื่น รวมถึงไม่ขัดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ และจะนำเข้าสู่สภาผู้แทนราษฏรต่อไป โดยเป็นการใช้ทางการแพทย์เป็นหลัก หากไม่นำไปใช้ในเชิงการสันทนาการ หรือรูปแบบการเสพติด ผมยืนยันว่ากัญชา-กัญชง เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพประชาชนอย่างมาก และสามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของภาครัฐ หลังจากที่มีกฎกระทรวงฯ ออกมาแล้ว ทาง สธ.ได้หารือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กับคณะกรรมการบัญชียาแห่งชาติ เพื่อจดให้สารสกัดกัญชา อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ซึ่งหมายความว่า โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จะครอบคลุมการใช้กัญชาด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยของตนเอง โดยจะเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด” นายอนุทินกล่าว

ทั้งนี้ นายอนุทินกล่าวว่า คลินิกกัญชาในแต่ละโรงพยาบาล (รพ.) จะไม่ได้เป็นห้องเปล่าๆ อีกต่อไป จะมีแพทย์ผู้ให้การรักษา ขณะนี้ยังไม่เข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ แต่หากผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้ สธ.ได้ควักกระเป๋าเองให้การรักษาผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในงบประมาณของ สธ. แต่สิ่งที่ดีที่สุด คือ ให้เข้าไปอยู่ในบัญชียาหลัก เพื่อให้แตกตัวไปยังผลิตภัณฑ์อื่นๆ และเมื่อ พ.ร.บ.กัญชา มีผลบังคับใช้จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการได้มีผลิตภัณฑ์กัญมาใช้เพื่อสร้างรายได้

นายอนุทินกล่าวว่า มีนโยบายให้ทุกกรมส่งเสริม และสนับสนุนการนำกัญชาและกัญชงไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนที่ผ่านมา ได้เปิดโอกาสให้ใช้ประโยชน์จากกัญชาเพื่อการแพทย์ เนื่องจากมีสารทีเอชซี (THC) เด่น ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและทำให้เสพติด จึงต้องมีการกำกับดูแลอย่างเข้มข้น มีระบบติดตามและตรวจสอบย้อนกลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาด้านยาเสพติด ส่วนกัญชงนั้นสนับสนุนให้ใช้ในทางอุตสาหกรรม เนื่องจากมีสารทีเอชซีในปริมาณน้อย แทบไม่มีฤทธิ์ต่อจิตและประสาท มีสารซีบีดี (CBD) เด่น มีประโยชน์ในทางการแพทย์และอุตสาหกรรมสุขภาพ และเกือบทุกส่วนของกัญชงสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งประเทศไทยมีภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการปลูกกัญชง ถือเป็นโอกาสดีที่ประชาชนจะสร้างรายได้และ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image