กรมควบคุมโรค-ภาคีเครือข่าย กำหนดตัวชี้วัดลดอุบัติเหตุทางถนน ตั้งเป้า 50% ภายในปี’73
วันนี้ (6 ตุลาคม 2563) ที่โรงแรมอมารี แอร์พอร์ต ดอนเมือง นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นายสุจิณ มั่งนิมิต ที่ปรึกษาศูนย์ปลอดภัยคมนาคม Dr.Liviu Vedrasco ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย นพ.วิทยา ชาติบัญชาชัย นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร และ นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน นพ.วิวัฒน์ ศีตมโนชญ์ ผู้จัดการแผนงานความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับองค์การอนามัยโลก ด้านความปลอดภัยทางถนน และภาคีเครือข่าย ประชุมกำหนดตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยทางถนนด้านความปลอดภัยทางถนน ตามกรอบเป้าหมายระดับโลก 12 เป้าหมาย เพื่อเป็นทิศทางในการทำงานของประเทศไทย ให้บรรลุเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573
นพ.โอภาส กล่าวว่า อุบัติเหตุทางถนน เป็นปัญหาสำคัญของประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก และเป็นปัญหาของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ที่บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ทุกหน่วยงานจึงได้ร่วมกันกำหนดทิศทางของประเทศเพื่อพิชิตปัญหาอุบัติเหตุทางถนน ให้ได้เหมือนกับที่รับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เป็นเพราะคนไทยทุกคนร่วมมือกัน
“วันนี้จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะปัญหานี้ได้ โดยการนำกรอบที่ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกได้ร่วมกันกำหนดเป้าหมายการดำเนินงาน 12 เป้าหมาย (12 Voluntary Global Road Safety Performance Targets) และประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกที่ร่วมกำหนดและรับหลักการนี้มาดำเนินการต่อ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายด้านความปลอดภัยทางถนน จึงเกิดการประชุมในวันนี้ เพื่อร่วมกันกำหนดตัวชี้วัดที่สำคัญ (indicator) ของแต่ละเป้าหมาย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำหนดทิศทาง และกลยุทธ์ในการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน” นพ.โอภาส กล่าว
ทั้งนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ภาคประชาชนคือ ส่วนสำคัญ ขอให้ใช้ความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน ทั้งในช่วงเทศกาลต่างๆ หรือเดินทางในช่วงเวลาปกติ ขอให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้ง ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์ทั้งผู้ขับขี่และโดยสาร อย่าลืมสวมหมวกนิรภัย (หมวกกันน็อก) ทุกครั้ง ที่สำคัญ ถ้าพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ หากเป็นไปได้ไม่ควรเคลื่อนย้ายผู้บาดเจ็บเอง เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอันตรายแทรกซ้อนหรือเกิดความพิการได้ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร.1669 ซึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญ จะเกิดความปลอดภัยกับผู้บาดเจ็บมากขึ้น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน โทร.1422
สำหรับการประชุมวันนี้ มีผู้แทนจากหลายภาคส่วนเข้าร่วม อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมการขนส่งทางบก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กรมประชาสัมพันธ์ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สมาคมผู้ประกอบการรถจักรยานยนต์ สมาคมอุตสาหกรรมการยาง เป็นต้น