ครอบครัวผู้เสียหายร้อง อนุทิน รพ.สมุทรสาคร ทำคลอดตาย 40 ศพ/เดือน

อัจฉริยะนำครอบครัวผู้เสียหายร้อง อนุทิน รพ.สมุทรสาคร ทำคลอดตาย 40 ศพ/เดือน ขอรู้ผลใน 7 วัน!

วันนี้ (12 ตุลาคม 2563) ที่กระทรวงสาธาณสุข (สธ.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมด้วย ครอบครัวผู้เสียหายจากการทำคลอดที่โรงพยาบาล (รพ.) สมุทรสาคร จำนวน 3 ราย เดินทางเข้าร้องเรียนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการ สธ. โดยมี นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัด สธ. รับเรื่องแทน

นายอัจริยะ กล่าวว่า ได้นำครอบครัวผู้เสียหายมาร้องเรียนที่ สธ. โดยความตั้งใจเดิมจะนำศพเด็กทั้ง 3 ราย ที่ครอบครัวเชื่อว่าเสียชีวิตจากทำการคลอดของแพทย์รายหนึ่งมาวางที่หน้าห้องรัฐมนตรีว่าการ สธ. แต่เปลี่ยนความตั้งใจ เนื่องจากต้องการให้เกียรติและต้องการเข้ามาพูดคุยเบื้องต้นก่อน

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในช่วง 1 ปี รพ.สมุทรสาคร มีเด็กเสียชีวิตมากกว่า 100 ศพ เฉพาะในเดือนกันยายน จำนวน 40 ศพ

Advertisement

“วันนี้จึงพาผู้เสียหายเข้าร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการ สธ. ถึงมาตรฐานของ รพ. และหาข้อเท็จจริงว่า เหตุใดบางศพถึงจัดอยู่ในศพไร้ญาติ ทั้งๆ ที่มีพ่อแม่พร้อมรับศพไปทำพิธีกรรมเอง และในบางรายทาง รพ. ไม่ได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นการปกปิดข้อมูล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ขึ้น รพ. ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่ดูแลครอบครัวผู้เสียหาย” นายอัจฉริยะ กล่าว

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า แม้ รพ.จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง แต่ตนไม่มีความเชื่อมั่นใน รพ. และต้องการให้รัฐมนตรีว่าการ สธ.เข้ามาดูแลด้วยตนเอง เพราะการมีศพเด็กมากกว่าร้อยศพ ไม่ใช่เรื่องปกติ จะต้องตรวจสอบคุณภาพของ รพ.เพื่อความชัดเจน

“เมื่อรู้ว่าทาง รพ. ไม่สามารถให้บริการคลอดในจำนวนมากได้ ทำไมถึงไม่ส่งต่อไปยัง รพ.อื่นๆ และหมอที่ทำคลอดก็เปิดคลินิกส่วนตัวให้บริการพิเศษ รับฝากท้องจำนวนมาก ในวันนี้ได้นำศพเด็กมาแล้ว ศพอยู่ในรถ แต่เกรงใจและให้เกียรติ อย่างไรก็ตาม ผมให้เวลา 7 วันในการดำเนินการ ถ้ายังไม่มีความคืบหน้าก็จะนำศพเด็กมาวางไว้ที่หน้าห้องรัฐมนตรีว่าการ สธ. จริง นี่เป็นคนไทยที่คลอดแล้วเสียชีวิต ยังมีแรงงานต่างด้าวอีกจำนวนมากที่ไม่มีปากเสียงอีกกี่ศพ” นายอัจฉริยะ กล่าว

Advertisement

ด้าน นพ.สุระ กล่าวว่า สธ.จะเข้าไปดำเนินการหาข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ให้เสร็จภายใน 3 เดือน โดยระหว่างนั้น จะมีการดำเนินการตรวจสอบคุณภาพ รพ. ควบคู่กันไป และส่วนผู้เสียหายจะได้รับการเยียวยาตามมาตรา 41 พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามระเบียบเพื่อความถูกต้อง แต่เบื้องต้นทราบข้อมูลว่า รพ.สมุทรสาคร มีผู้มาคลอดเฉลี่ยวันละ 20 ราย หรือปีละ 7,000-8,000 ราย ขณะที่ รพ.มีสูตินรีแพทย์ประมาณ 8-9 ราย ดังนั้นจะมอบหมายให้ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 5 เข้าไปตรวจสอบว่าอัตราการเข้ามารับการบริการคลอด จะมากกว่าประสิทธิภาพการดูแลของ รพ. หรือไม่ ซึ่งตามมาตรฐาน หาก รพ.ใดที่ไม่สามารถดูแลผู้ป่วยคลอดได้ ก็จะต้องส่งต่อไปยัง รพ.อื่นใกล้เคียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์นายอัจฉริยะได้ขอเวลานำครอบครัวผู้เสียหายเข้าพูดคุยกับ นพ.อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการ รพ.สมุทรสาคร ด้วย

นพ.อนุกูล กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน ในระยะเวลา 4 เดือน มีทารกที่เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการทำคลอด จำนวน 14 ศพ แบ่งเป็น เดือนมิถุนายน 2 ราย เดือนกรกฎาคม 5 ราย เดือนสิงหาคม 3 ราย และ เดือนกันยายน 4 ราย โดยการจัดการศพทารกจะจำหน่าย 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง และศพผู้ใหญ่จะจำหน่ายทุก 7 วัน เนื่องจากร่างใหญ่กว่า และข้อมูลเฉลี่ย รพ.สมุทรสาคร ทำคลอดเฉลี่ยวันละ 20 ราย หรือ เดือนละ 600 ราย จะมีเสียชีวิตเฉลี่ย 4 ราย ส่วนในกรณีที่มีการเก็บศพเด็กไว้นานถึง 7 เดือนนั้น อาจเกิดจากการสื่อสารคลาดเคลื่อนระหว่างห้องเก็บศพและการจำหน่ายศพ

“รพ.สมุทรสาคร ได้เลิกจ้างแพทย์รายดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเดิมแพทย์รายนี้เป็นลูกจ้างเหมารายปี ที่จ้างมาตั้งแต่ปี 2554” นพ.อนุกูล กล่าว

ด้าน นางธัญญลักษณ์ เสือขำ อายุ 43 ปี มารดาทารกที่เสียชีวิต กล่าวว่า ลูกชายที่เสียชีวิตเป็นลูกคนที่ 4 ของตน และเมื่อตั้งครรภ์ลูกคนนี้ ตนจึงฝากครรภ์กับแพทย์ โดยเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 7,000 บาท ที่ผ่านมาลูกในครรภ์ปกติดี มีกำหนดคลอดวันที่ 14 เมษายน

“แต่วันที่ 19 มีนาคม มีเลือดออกที่ปากช่องคลอดจึงโทรหาหมอที่ฝากท้อง และหมอแจ้งว่าให้ไป รพ.สมุทรสาคร เมื่อเดินทางไปถึงเจอแต่พยาบาล ไม่เจอหมอ เวลาผ่านไปกว่า 5 ชั่วโมง พยาบาลแจ้งว่าให้กลับบ้านได้ ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม ตนมีเลือดออกที่ปากช่องคลอดอีก และปวดท้องรุนแรง เมื่อโทรหาหมอรายเดิม ก็ได้รับคำแนะนำว่าให้ไปที่ รพ.เช่นเดิม ตนก็เดินทางไปอีกครั้ง ขณะนั้นปากช่องคลอดเปิด 5 เซนติเมตร หมอจึงทำคลอดลูกชายให้ แต่หลังจากนั้นตนมีภาวะน้ำคร่ำแตก ตกเลือดและมีภาวะแทรกซ้อน จนต้องเข้าห้องไอซียู และหมอมาแจ้งว่าลูกมีสายรกพันคอที่ทำให้ตาย จากนั้นหมอขอให้ทาง รพ.จัดการเรื่องศพ จะทำพิธีให้ แต่มารู้เมื่อเดือนกันยายนว่า 7 เดือนเต็มๆ ที่ลูกเราไม่ได้ทำพิธีและอยู่ในห้องเก็บศพใน รพ.มาโดยตลอด” นางธัญญลักษณ์ กล่าวและว่า ที่ทราบเรื่อง เพราะมีผู้สื่อข่าวติดต่อมาว่าลูกชายเพิ่งถูกนำไปสุสานน่ำเก๊กในวันที่ 10 กันยายนที่ผ่านมา และไม่สามารถเข้าไปรับศพได้ เนื่องจากไม่มีเอกสารหลักฐานใดๆ จาก รพ.ไปยืนยัน จึงถูกตีรวมว่าเป็นศพไร้ญาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image