30-31 ตุลาฯ จัดอีเวนต์ถนนข้าวสาร กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ

30-31 ตุลาฯ จัดอีเวนต์ถนนข้าวสาร กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ กทม.จ่อเปิดจุดทำการค้าอีก 23 จุดทั่วกรุง

วันนี้ (12 ตุลาคม 2563) นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของ กทม. ว่า ในที่ประชุมมีการพิจารณาจุดผ่อนผันที่เหลือ จำนวน 171 จุด ในพื้นที่ 18 เขต ว่า จุดใดที่เข้าเกณฑ์หรือไม่ขัดต่อประกาศ กทม. (ฉบับใหม่) เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการกำหนดพื้นที่ทำการค้าและการขายหรือจำหน่ายสินค้าในที่สาธารณะ ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 หรือจุดใดขัดต่อประกาศฉบับใหม่ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มีความเป็นห่วงประชาชน ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 รวมทั้งสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน จึงมอบหมายให้ กทม.พิจารณาจุดผ่อนผัน ว่าจุดใดสามารถดำเนินการตามประกาศ (ฉบับใหม่) ได้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ค้าให้ได้ทำการค้าขายเป็นการชั่วคราว

“วันนี้สำนักงานเขตได้เสนอให้กำหนดพื้นที่ทำการค้า รวมจำนวน 23 จุด ให้คณะกรรมการฯ ได้พิจารณา ประกอบด้วย เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย 2 จุด เขตสัมพันธวงศ์ 3 จุด เขตดุสิต 8 จุด และเขตพระนคร 10 จุด ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบ โดยจะเสนอให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พิจารณาต่อไป สำหรับจุดทำการค้าดังกล่าวจะผ่อนผันผู้ค้ารายเดิมได้ขายต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นให้ยึดถือตามประกาศฯ ฉบับใหม่ต่อไป” นายสกลธี กล่าวและว่า ทั้งนี้ จุดทำการค้าที่อนุญาตมีหลายจุดที่คุณสมบัติหรือลักษณะทางกายภาพอาจจะไม่ผ่านหลักเกณฑ์ตามประกาศฉบับใหม่ แต่ในช่วง 6 เดือนแรกนี้ จะอนุโลมให้ก่อน และจะมีการพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้ง โดยหลังจากนี้จะนัดประชุมอย่างต่อเนื่องอาจจะเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อให้เขตที่เหลือทยอยนำจุดทำการค้ามาเสนอและพิจารณาต่อไป โดยมีเป้าหมายให้แล้วเสร็จทั้ง 171 จุด ภายในสิ้นปีนี้

รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมการค้าขายภายในถนนข้าวสารที่จะจัดในวันที่ 30-31 ตุลาคมนี้วันนี้ที่ประชุมมีการพิจารณาระเบียบ และหลักเกณฑ์สำหรับผู้ค้าที่จะมาทำการค้าภายในถนนข้าวสารในรูปแบบกิจกรรมส่งเสริม (event)

Advertisement

“เนื่องจากบริบทของถนนข้าวสารมีการเปลี่ยนแปลงไปในระดับหนึ่ง จากเดิมที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า ร้อยละ 90 แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเข้ามาในประเทศได้ ดังนั้นจึงต้องจัดกิจกรรมเพื่อดึงนักท่องเที่ยวชาวไทยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะมีผู้ค้าเดิมส่วนหนึ่งและผู้ค้าเฉพาะกิจสำหรับงานอีเว้นท์ โดยเฉพาะ อาจจะเป็นประเภทอาหาร หรือสินค้าต่างๆ เข้ามาเสริม โดยมอบหมายสำนักงานเขตพระนคร จัดทำแผนจัดกิจกรรมส่งเสริมในแต่ละเดือน เพื่อกระตุ้นและดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้มาเที่ยวมากขึ้น” นายสกลธีกล่าว และว่า ได้มอบหมายทุกสำนักงานเขตสำรวจพื้นที่ หากมีพื้นที่ใดที่มีศักยภาพ สามารถจัดเป็นพื้นที่ทำการค้าได้ และเป็นไปตามประกาศฉบับใหม่ ให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเทศกิจเพื่อจะได้นำเสนอต่อคณะกรรมการฯ พิจารณาเป็นจุดทำการค้าต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image