‘อนุทิน’ โต้ข่าวย้าย ผอ.รพ.จะนะ เหตุชวน ปชช.ไปม็อบ ย้ำ แยกหมวกใส่ให้ถูก ไม่มีปัญหา
กรณีมีกระแสข่าวว่า นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) จะนะ จ.สงขลา และรองประธานชมรมแพทย์ชนบทภาคใต้ ถูกย้ายเนื่องจากออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และเป็นแกนนำชักชวนประชาชนให้ออกมาร่วมกับผู้ชุมนุม
เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า แพทย์ก็เป็นประชาชนเช่นกัน มีสิทธิเสรีภาพแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่หากอยู่ในบทบาทของแพทย์ที่เป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข จะต้องนึกถึงการให้บริการประชาชนที่เดือดร้อน เช่น หากเราคิดอยู่ฝั่งนี้ แต่มีผู้เดือดร้อนที่คิดต่างจากเรา ตนเชื่อว่าแพทย์ทุกคนไม่มีการใช้อารมณ์ในการรักษาพยาบาล แต่ความคิดเห็นส่วนตัวแม้วิศวกรก็คิดต่างได้ และไม่ใช่ข้อห้ามใดๆ
“เรื่องที่มีคำขู่จะถูกย้าย ผอ.รพ. มันเป็นไปไม่ได้เลย ย้ายจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งแล้วจะไปเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนอุดมการณ์เขาได้ไหม ก็เปลี่ยนไม่ได้หรอก เรื่องนี้มันเหนือกว่าการที่ไปคิดอะไรง่ายๆ อย่างนั้น ต้องดูว่าในขณะนั้นเรามีบทบาทอะไร แยกหมวกใส่ถูก ก็ไม่มีปัญหาอะไร” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า การโยกย้ายอยู่ในพื้นฐานของผลงาน ความเหมาะสม ความคาดหวังที่ สธ.มีต่อข้าราชการคนใดคนหนึ่ง โดยกรณี นพ.สุภัทร เป็น ผอ.รพ.ในระดับอำเภอ อำนาจโยกย้ายขึ้นอยู่กับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ผู้ว่าราชการจังหวัด
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวว่า ตนเป็นหัวหน้าส่วนราชการ เราทุกคนมี 2 บทบาท แต่ว่าข้าราชการต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นการเมือง โดยเฉพาะเกี่ยวกับภาครัฐ เพราะเราเป็นพนักงานของรัฐเช่นกัน ทั้งนี้ ตนจะออกหนังสือเวียนออกไปว่าขอให้ข้าราชการในกระทรวงฯระมัดระวังการแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะในฐานะข้าราชการ แต่สามารถใช้ฐานะส่วนตัวได้ รวมถึงระมัดระวังการใช้สื่อโซเซียล ขอให้มีความรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า แพทย์สามารถลงชื่อในข้อเรียกร้องต่างๆ ได้หรือไม่ นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า สามารถทำได้ แต่ไม่ควรระบุต้นสังกัดหรือหน่วยงาน เพราะหากระบุชื่อหน่วยงานก็จะเป็นการใช้ในบทบาทหน้าที่ข้าราชการ ดังนั้น การระบุสถานที่ควรจะไตร่ตรองให้รอบคอบ
เมื่อถามถึงข่าวว่า รพ.มงกุฎวัฒนะ ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยจากการชุมนุม มีข้อมูลอย่างไรบ้าง นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า โดยหลักการ รพ.มีหน้าที่ให้การรักษาพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีฉุกเฉิน และถ้าไม่กระทำการรักษา ก็จะมีความผิดตามกฎหมาย
