แพทย์ผิวหนัง เตือนยาคุมกำเนิดบดใส่แชมพู ไม่ช่วยรักษาโรคผมร่วง-บาง

แพทย์ผิวหนัง เตือนยาคุมกำเนิดบดใส่แชมพู ไม่ช่วยรักษาโรคผมร่วง-บาง

วันนี้ (27 ตุลาคม 2563) นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีและโฆษกกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ว่า ถ้าอยากเร่งให้ผมยาวหรือแก้ผมร่วง ให้เอายาคุมกำเนิดมาบดใส่แชมพูแล้วเอามาสระผมนั้น จากการตรวจสอบ ยาคุมกำเนิดแบบเม็ดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ชนิดฮอร์โมนรวม ซึ่งประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิดคือ เอสโตรเจน (estrogen) และโปรเจสติน (progestin) ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีคุณสมบัติยับยั้งการตกไข่ ยับยั้งการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจนและลดฮอร์โมนเพศชายที่ทำให้เกิดภาวะผมบางจากพันธุกรรม

“ส่วนฮอร์โมนโปรเจสตินมีคุณสมบัติยับยั้งฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ทำให้เกิดภาวะผมบางจากพันธุกรรมเช่นกัน ปกติยาคุมกำเนิด จะดูดซึมทางระบบอาหาร ไม่มีรายงานทางการแพทย์ว่าดูดซึมทางหนังศีรษะ การนำยาคุมกำเนิดไปใช้ผิดวิธี จะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี” นพ.ณรงค์ กล่าว

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า โรคผมบางจากพันธุกรรมเกิดจากหลายปัจจัย ไม่ใช่จากปัจจัยฮอร์โมนแอนโดรเจนอย่างเดียว เช่น ปัจจัยทางพันธุกรรมรวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ด้วยเหตุนี้ การรักษาด้วยการใช้ยาทา หรือยารับประทานที่ต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนอาจจะไม่ได้ผลในผู้หญิง สำหรับผู้ชายไม่ควรใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาเพราะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีเต้านมขนาดใหญ่ขึ้น

Advertisement

“พบว่า จากหลักฐานการศึกษาทางการแพทย์ มีการใช้ยาทาเอสโตรเจนในผู้ป่วยหญิงที่มีภาวะผมบางจากพันธุกรรม แต่ไม่ได้ทำให้ผมขึ้นมากขึ้น นอกจากนี้ การใช้ยาคุมกำเนิดบดผสมในแชมพูอาจมีการดูดซึมที่หนังศีรษะได้ไม่ดีเท่ากับการทายา แต่กลับจะทำให้ปริมาณ ยาคุมกำเนิดลดลงพร้อมกับแชมพูสัมผัสหนังศีรษะในระยะเวลาจำกัดก่อนที่จะถูกล้างออก ดังนั้นการดูดซึมจึงน้อยกว่าการทายาหรือการรับประทานยา ประสิทธิภาพในการต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนลดลง” ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวและว่า การศึกษาทางการแพทย์ที่พบว่ายาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนชนิดอื่นนอกเหนือจากยาคุมกำเนิด อาจใช้ได้ผลในผู้ป่วยหญิงบางรายที่มีโรคผมบางทางพันธุกรรม ได้แก่ spironolactone, finasteride, dutasteride, flutamide แต่ยารับประทานเหล่านี้ยังไม่ได้รับการจัดให้อยู่ในมาตรฐานการรักษา และห้ามใช้ในหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีโอกาสจะตั้งครรภ์ เพราะจะเป็นอันตรายแก่ทารกในครรภ์ได้

พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า จากหลักฐานการศึกษาเปรียบเทียบระหว่างผู้ที่รับประทานยา spironolactone อย่างเดียวหรือรับประทานยา spironolactone ร่วมกับยาคุมกำเนิด ผลการศึกษาไม่พบว่าการรับประทานยาคุมกำเนิดช่วยให้ผมขึ้นมากขึ้น สำหรับผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบาง แนะนำปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้อง จะดีกว่าการทำตามความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image