หนาวนี้ ระวัง! 5 โรค 2 ภัยสุขภาพ สธ.ย้ำสวมหน้ากาก-เข้มน้ำอุ่นระบบแก๊ส

สธ.เตือนปชช. หน้าหนาว ระวัง! 5 โรค 2 ภัยสุขภาพ ย้ำสวมหน้ากาก-เข้มน้ำอุ่นระบบแก๊ส

วันนี้ (2 พฤศจิกายน 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ปรีชา เปรมปรี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง แถลงเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง 5 โรค และ 2 ภัยสุขภาพที่มากับฤดูหนาว หรือช่วงที่มีอากาศหนาวเย็นในประเทศไทย

นพ.ปรีชา แถลงว่า เพื่อให้ปลอดภัยจากโรคในช่วงฤดูหนาว กรมควบคุมโรคได้ออกประกาศ เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2563 เรื่อง การป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่เกิดขึ้นในฤดูหนาวของประเทศไทย ประจำปี 2563 เพื่อเตือนให้ประชาชนระมัดระวังการเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อ 5 โรค และ 2 ภัยสุขภาพ ซึ่งโรคติดต่อมีดังนี้ กลุ่มโรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ 1.โรคไข้หวัดใหญ่ ปีนี้มีการเจ็บป่วยน้อยลงเมื่อเทียบกับปี 2562 ที่มีจำนวนผู้ป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ ราว 396,000 ราย โดยปี 2563 มีผู้ป่วย ราว 113,000 ราย เสียชีวิต 3 ราย แสดงว่าการป้องกันตัวจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ทำให้สามารถป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจได้ และจำนวนผู้ป่วยลดลงถึง 3 เท่า

นพ.ปรีชา กล่าวว่า 2.โรคปอดอักเสบ โดยปี 2563 มีผู้ป่วยราว 150,000 ราย เสียชีวิตประมาณ 100 ราย นับว่าเป็นอัตราเสียชีวิตที่ค่อนข้างสูง โดยโรคนี้เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ดังนั้น สธ.จึงมีการเฝ้าระวังด้วยการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่รักษาตัวในโรงพยาบาล (รพ.) ขณะนี้ยังไม่พบรายงานผู้ป่วยปอดอักเสบที่ติดเชื้อโควิด-19

Advertisement

นพ.ปรีชา กล่าวว่า ส่วนกลุ่มโรคติดต่อทางเดินอาหารและน้ำ คือ 3.โรคอุจจาระร่วง ทุกปีจะพบผู้ป่วยในโรคนี้จำนวนมาก โดยปี 2563 มีผู้ป่วยราว 680,000 ราย การป้องกันด้วยการล้างมือ รับประทานอาหารร้อน ปรุงสุก สะอาด และอาหารต้องสดใหม่เสมอ

กลุ่มโรคติดต่อที่สำคัญอื่นๆ ในช่วงฤดูหนาว ได้แก่ 4.โรคหัด เป็นโรคที่ติดต่อง่าย ในปี 2563 พบผู้ป่วยราว 983 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่ดีกว่าปี 2562 ส่วนมากจะพบในเด็ก โดยมีวัคซีนป้องกันแต่ในปีนี้การครอบคลุมในการฉีดวัคซีนในประเทศไทยลดลง จึงมีบางกลุ่มไม่มีภูมิคุ้มกันโรคหัด สธ.จึงรณรงค์ให้มีการฉีดวัคซีนหัด ให้ครอบคลุมอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เด็กติดโรคหัด และจะมีความรุนแรงในกลุ่มเด็กที่ขาดสารอาหาร และพบว่าภาคใต้มีอัตราการเสียชีวิตสูง และ 5.โรคมือเท้าปาก ในปี 2563 พบผู้ป่วยราว 15,000 ราย และไม่มีผู้เสียชีวิต” นพ.ปรีชา กล่าว

ทั้งนี้ นพ.ปรีชา กล่าวว่า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโรคที่มีความสำคัญ 1.โรคไข้หวัดใหญ่ พบมากที่สุดในกลุ่มเด็กเล็ก ช่วง 0-4 เดือน ซึ่งไม่ได้รับวัคซีน เนื่องจากวัคซีนจะฉีดในกลุ่มเด็กอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป พื้นที่พบผู้ป่วยมากที่สุดคือ ภาคเหนือ แม้ว่าปีนี้จะมีผู้ป่วยลดลง 3 เท่า แต่จะต้องเข้มงวดในการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และไม่นำมือไปสัมผัสใบหน้า อย่างไรก็ตาม โรคไข้หวัดใหญ่มีวัคซีน ซึ่ง 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ หญิงอายุครรภ์มากกว่า 4 เดือน เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป ผู้พิการทางสมอง ผู้ป่วยภูมิคุ้มกันบกพร่อง และผู้มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม สามารถเข้ารับได้ฟรีในสถานบริการของรัฐทุกแห่ง

Advertisement

นพ.ปรีชา กล่าวว่า 2.โรคอาร์เอสวี (RSV) เป็นโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจของเด็กเล็ก เกิดจากไวรัสชนิดหนึ่ง มีความรุนแรงเฉพาะเด็กเล็กเท่านั้น เนื่องจากการติดเชื้อจะเข้าสู่หลอดลมฝอยทำให้เกิดการอักเสบ และการขับเสมหะในกลุ่มเด็กเล็กทำได้ยาก จึงทำให้หายใจลำบาก มีเสียงวี๊ดขณะหายใจ ดังนั้น เมื่อมีอาการดังกล่าวจะต้องรีบไปพบแพทย์ เพื่อขับเสมหะและลดความลดเสี่ยงในการติดเชื้อ

“โรคอาร์เอสวีเมื่อติดเชื้อแล้วจะมีระยะฝักตัว 4-6 วัน หลังจากนั้นเมื่อป่วยแล้วจะแพร่เชื้อได้ 1 สัปดาห์ ปัญหาคือ 1.ไม่มียา 2.ไม่มีวัคซีน ดังนั้นการป้องกันเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เด็กเล็กไม่ควรจะคลุกคลีกับเด็กเล็กหรือเด็กโตที่มีอาการไข้หวัด ไม่เข้าพื้นที่แออัดหรือสนามเด็กเล่นที่มีคนมาก ในข่วงนี้จำเป็นต้องแยกตัวออก โดยกลุ่มโรคที่มากับอากาศหนาว ป้องกันด้วยมาตรการสำคัญคือ การสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ล้างมือ และรับประทานอาหารครบ 5 หมู่ เพิ่มเสริมภูมิคุ้มกัน” นพ.ปรีชา กล่าว

ด้าน พญ.สุมนี กล่าวถึงกลุ่มภัยสุขภาพ ว่า ได้แก่ 1.การเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องจากภาวะอากาศหนาว นิยามคือ เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดขึ้นในพักอาศัย โดยที่ไม่มีเครื่องห่มกันหนาวที่เพียงพอ และคาดว่าเกี่ยวเนื่องกับอากาศหนาว โดยข้อมูลจากกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบว่า มีผู้ป่วย 37 ราย ซึ่งเสียชีวิตภายในบ้าน 25 ราย และนอกบ้าน 12 ราย โดยส่วนใหญ่อุณหภูมิแวดล้อมขณะเสียชีวิตอยู่ที่ 9-25 องศาเซสเซียส เฉลี่ยที่ 16.32 องศาเซสเซียส ไม่มีเครื่องนุ่งห่มที่เพียงพอ และอาจมีโรคประจำตัว มีประวัติการดื่มสุราเป็นประจำ

“ทั้งนี้ กลุ่มเสี่ยง จะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มเด็กเล็ก และ ผู้มีโรคประจำตัว การป้องกันการเสียชีวิตที่เกี่ยวเนื่องกับอากาศหนาวด้วยการติดตามสภาพอากาศ โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และที่สำคัญคือให้การดูแลสุขภาพกลุ่มเสี่ยงเป็นพิเศษ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมของร่างกายให้แข็งแรง สวมใส่เครื่องนุ่งห่มให้เพียงพอ และ 2.การขาดอากาศหายใจจากการสูดดมก๊าซพิษ จากอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มความอบอุ่นร่างกาย หรือเรียกว่า การขาดอากาศหายใจ ขณะอาบน้ำด้วยระบบทำน้ำอุ่นด้วยแก๊สที่ไม่ได้มาตรฐาน สิ่งแวดล้อมในห้องน้ำไม่มีอากาศไหลเวียนที่เพียงพอ” พญ.สุมนี กล่าว

นอกจากนี้ พญ.สุมนี กล่าวว่า สาเหตุอีกประการคือ การท่องเที่ยวภูเขา ดอย การกางเต็นท์ รีสอร์ต หรือโรงแรม และมีการจุดตะเกียงไฟในที่เต็นท์นอน ข้อมูลจากกองระบาดวิทยา เมื่อปี 2562 พบว่ามี 4 เหตุการณ์ เป็นผู้ป่วย 5 ราย และเสียชีวิต 1 ราย การป้องกันคือ ไม่ควรจุดตะเกียง หรือเตาไฟที่ใช้น้ำมัน และเลี่ยงการใช้แก๊สเป็นเชื้อเพลิง ออกแบบที่พักให้มีอากาศไหลเวียน เจ้าของโรงแรมต้องตรวจสอบคุณภาพเครื่องทำน้ำอุ่นระบบแก๊ส และที่สำคัญคือ ระมัดระวังกลุ่มเสี่ยงโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคระบบทางเดินหายใจ ซึ่งเมื่อเกิดอาการเวียนหัว หน้ามืด จะต้องรีบออกจากบริเวณนั้นทันที และในผู้ที่พบเห็นเหตุการณ์ จะต้องรีบหาข่องทางระบายอากาศด้วยการเปิดประตู หน้าต่าง นำผู้ป่วยออกสู่สถานที่โล่งแจ้ง และโทร.สายด่วน 1669 เพื่อนำผู้ป่วยส่ง รพ.ให้ทันท่วงที

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image