ผู้ว่าฯอัศวิน นำทดสอบเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ ก่อนเปิดให้บริการประชาชนเต็มรูปแบบ 27 พ.ย.63

ผู้ว่าฯอัศวิน นำทดสอบเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ ก่อนเปิดให้บริการประชาชนเต็มรูปแบบ 27 พ.ย.63

วันนี้ (23 พฤศจิกายน 2563) พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ตรวจการทดสอบเดินเรือไฟฟ้า จำนวน 7 ลำ ที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ตามสัญญาโครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษม โดยมี คณะผู้บริหาร กทม. ผู้บริหารสำนักการจราจรและขนส่ง ผู้บริหารบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมคณะ

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า กทม.ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนใช้ระบบขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น ซึ่งประกอบด้วยการเดินทางหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถโดยสารประจำทาง (ล้อ) รถไฟฟ้า (ราง) และทางน้ำ (เรือ) ทั้งนี้โครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงฯ เป็นโครงการตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของ กทม.ที่ให้ความสำคัญกับการเดินทางด้วยเรือในคลองต่างๆ โดยเรือที่ให้บริการต้องเป็นระบบที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สำหรับการเดินเรือในคลองผดุงฯ นี้ เริ่มให้บริการมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 เป็นเรือไฟฟ้าต้นแบบ 1 ลำ เรือดีเซล 1 ลำ รวม 2 ลำ ให้บริการวันละ 14 เที่ยว ซึ่งในระหว่างวันจะปรับให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารของแต่ละช่วงเวลา

Advertisement

“โดย กทม.ได้ว่าจ้างบริษัท กรุงเทพธนาคมฯ ซึ่งเป็นวิสาหกิจของ กทม. ดำเนินโครงการพัฒนาระบบการเดินเรือในคลองผดุงฯ โดยจัดหาเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า ( Electric  Vehicle : EV) พร้อมระบบโซลาร์เซลล์ จำนวน 8 ลำ ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการต่อเรือใหม่เพิ่มอีก 7 ลำ หลังจากที่ได้นำเรือใช้พลังงานไฟฟ้าต้นแบบ 1 ลำ ทดลองวิ่งให้บริการ ขณะนี้การต่อเรือไฟฟ้าลำใหม่ทั้ง 7 ลำ แล้วเสร็จตามแผน โดยวันนี้ได้นำมาทดสอบเดินเรือในคลองผดุงฯ ก่อนเปิดให้บริการประชาชนเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ เป็นต้นไป โดยนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดให้บริการเดินเรือไฟฟ้าคลองผดุงฯ ที่สำคัญโครงการนี้ยังถือเป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งสายแรกของประเทศ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง เพราะเรือทุกลำใช้พลังงานสะอาด ปลอดจากมลพิษทั้งเสียง ฝุ่น ควัน ส่งเสริมการรักษาสภาพแวดล้อมของเมืองในเส้นทางคลองสายประวัติศาสตร์ และยังส่งผลดีต่อสุขภาพของประชาชนทุกกลุ่มที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำเรือ ผู้โดยสารและชุมชนที่อยู่อาศัยโดยรอบเส้นทางให้บริการอีกด้วย” ผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

Advertisement

สำหรับคุณสมบัติเรือที่ต่อใหม่ทั้ง 7 ลำนี้ เป็นเรือโดยสารที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ทุกลำ หลังคาของเรือมีแผงโซลาร์เซลล์ 12 แผง ในการผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อใช้ในระบบไฟฟ้าส่องสว่างภายในเรือ และยังเป็นพลังงานสำรองในการขับเคลื่อนเรือ พร้อมทั้งติดตั้งระบบจีพีเอส ติดตามตำแหน่งเรือ โดยมีศูนย์ควบคุมที่คอยติดตามตรวจสอบตลอดช่วงเวลาที่ให้บริการประชาชน นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆ ให้ดีขึ้น โดยออกแบบที่นั่งและทางเดินในเรือให้สะดวกสบายขึ้น มีลายกันลื่นตลอดพื้นเรือ เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมถึงการปรับขนาดเรือให้เหมาะสมกับการเดินทางในคลองผดุงฯ ที่มีสะพานหลายจุดและตัวสะพานดังกล่าวค่อนข้างต่ำ โดยตัวเรือมีความยาว 9.90 เมตร ความกว้าง 2.98 เมตร น้ำหนัก 5.98 ตัน เครื่องยนต์ขนาด 10 กิโลวัตต์ จำนวน 2 เครื่องยนต์ เทียบเท่าเครื่องยนต์ 20 แรงม้า และแบตเตอรี Li-on NMC ขนาดรวม 42 กิโลวัตต์ มีมาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP67 ทั้งตัวเครื่องยนต์และแบตเตอรี สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 17 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (กม./ชม.) เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ความเร็วสูงสุด 15 กม./ชม. โดยชั่วโมงการทำงานต่อการชาร์จแบตเตอรีเต็ม 1 ครั้ง สามารถให้บริการได้นาน 4 ชั่วโมง โดยเรือสามารถรองรับผู้โดยสาร 30 ที่นั่ง และยังจัดพื้นที่รองรับผู้โดยสารที่ใช้วีลแชร์ได้ 1 คัน อันเป็นการส่งเสริมการเดินทางที่ทั่วถึงเท่าเทียมเพื่อคนทั้งมวล

ส่วนเส้นทางการเดินเรือในคลองผดุงกรุงเกษมได้กำหนดเดินเรือ จำนวน 11 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ท่าเรือหัวลำโพง ท่าเรือนพวงศ์ ท่าเรือยศเส ท่าเรือกระทรวงพลังงาน ท่าเรือแยกหลานหลวง ท่าเรือนครสวรรค์ ท่าเรือราชดำเนินนอก ท่าเรือประชาธิปไตย ท่าเรือเทเวศร์ และท่าเรือตลาดเทวราช รวมระยะทาง 5 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4 เขต ได้แก่ เขตปทุมวัน เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตดุสิต และเขตพระนคร ใช้เวลาเดินทางตลอดเส้นทางประมาณ 20 นาที สามารถเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว มีจุดเชื่อมต่อการเดินทาง จำนวน 4 จุด ได้แก่ จุดที่ 1 ต่อเรือด่วนเจ้าพระยา ที่ท่าเรือตลาดเทวราช จุดที่ 2 ต่อเรือแสนแสบ ที่ท่าเรือกระทรวงพลังงาน จุดที่ 3 ต่อรถไฟชานเมือง ที่ท่าเรือรถไฟหัวลำโพง และจุดที่ 4 ต่อรถไฟฟ้า MRT ที่ท่าเรือสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งปัจจุบันให้บริการเดินเรือในวันจันทร์-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันละ 39 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 15 นาทีต่อลำ ส่วนวันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-19.00 น. วันละ 23 เที่ยว ความถี่ในการเดินเรือประมาณ 30 นาทีต่อลำ โดยเปิดให้บริการฟรีเป็นระยะเวลา 6 เดือน จากนั้นจะเริ่มจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราไม่เกิน 10 บาท ตลอดสาย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image