กทม.ชวนคนกรุงขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพฯ เคาะกติกาหาบเร่แผงลอย

กทม.ชวนคนกรุงขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพฯ เคาะกติกาหาบเร่แผงลอย-ใช้พื้นที่สาธารณะ

วันนี้ (26 พฤศจิกายน 2563) พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะประธานกรรมการร่วมสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1 พ.ศ.2563 ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างอนาคตกรุงเทพมหานคร : เมืองแห่งสุขภาวะ และวิถีชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย” โดยมี รศ.จิราพร ลิ้มปานานนท์ รองประธานกรรมการสนับสนุนการจัดและขับเคลื่อนมติสมัชชากรุงเทพฯ นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ นพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัด กทม. พร้อมด้วย ภาคีเครือข่ายจากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และแกนนำชุมชนต่างๆ ร่วมประชุม ที่ศาลาว่าการ กทม. 2 เขตดินแดง

พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า กทม. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และภาคีเครือข่าย จัดงานสมัชชาสุขภาพกรุงเทพฯ ครั้งที่ 1 พ.ศ.2563 เพื่อจัดทำนโยบายสาธารณะที่ใช้เป็นกรอบหรือข้อตกลงร่วมกันในการแก้ไขปัญหาบนความเห็นพ้องของคนทุกฝ่าย โดยมีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และผู้นำชุมชนกว่า 450 คน ร่วมประชุมกำหนดอนาคตกรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ยังมีแกนนำชุมชนภาคีเครือข่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 4,050 แห่ง ร่วมประชุมผ่านระบบออนไลน์ ทั้งนี้งานสมัชชาสุขภาพกรุงเทพฯ ครั้งที่ 1 มีการพิจารณาใน 2 ระเบียบวาระ ประกอบด้วย การจัดการหาบเร่แผงลอยและการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันของกรุงเทพฯ และธรรมนูญสุขภาพกรุงเทพฯ โดยสมาชิกสมัชชาสุขภาพฯ ได้ร่วมกันเสนอแนะ ปรับแก้เอกสารที่คณะทำงานวิชาการและผู้แทนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้ร่วมกันยกร่างมาก่อนหน้า ก่อนจะให้ฉันทมติเห็นชอบทั้ง 2 ระเบียบวาระ และมีพันธะในการขับเคลื่อนไปสู่เมืองสุขภาวะร่วมกันต่อไป

Advertisement

“สำหรับสาระสำคัญของระเบียบวาระหาบเร่แผงลอย และการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันของกรุงเทพฯ อาทิ การวางเป้าหมายการจัดการปัญหาหาบเร่แผงลอยภายใน 5 ปี ซึ่งจะคำนึงถึงทั้งในแง่ของประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการเป็นแหล่งอาหาร แหล่งรายได้ ตลอดจนเสน่ห์ของกรุงเทพฯ และในแง่ของปัญหา เช่น ความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง การสัญจร การใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกัน โดยมีแนวทางการดำเนินงานที่น่าสนใจ อาทิ ชะลอการยกเลิกจุดผ่อนผันที่ยังเหลืออยู่ กำหนดกรอบเวลาในการพิจารณาพื้นที่ทำการค้า ประชาพิจารณ์และคัดเลือกผู้ค้าโดยเร็ว จัดตั้งกลไกระดับพื้นที่เพื่อบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะ รวมถึงบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดในการดำเนินงาน ขณะที่ระเบียบวาระธรรมนูญสุขภาพกรุงเทพฯ ถือเป็นครั้งแรกที่ กทม.จะมีกติกาหรือข้อตกลงร่วมกันที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะในมิติต่างๆ อาทิ ฝุ่นควัน การขนส่งสาธารณะ หาบเร่แผงลอย เศรษฐกิจ ระบบหลักประกันสุขภาพ และการเข้าถึงบริการสาธารณสุข” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่า กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม มีการขยายตัวและมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ทำให้แนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่างๆ มีความซับซ้อน จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนมาขับเคลื่อนร่วมกัน จึงเป็นที่มาของการจัดงานสมัชชาสุขภาพกรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “ร่วมสร้างอนาคตกรุงเทพมหานคร เมืองแห่งสุขภาวะ และวิถีชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย” ที่จะสานพลังการมีส่วนร่วมของชาวกรุงเทพฯ และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมกันสร้างนโยบายสาธารณะเพื่อคลี่คลายปัญหา และเพิ่มเติมคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ

Advertisement

“สิ่งสำคัญที่จะก่อให้เกิดผลต่อการพัฒนากรุงเทพฯ คือ การนำนโยบายไปสู่ขั้นตอนของการปฏิบัติหรือการขับเคลื่อน จึงขอเชิญชวนคนกรุงเทพฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ช่วยกันผลักดันและดำเนินการตามที่ทุกภาคส่วนได้ให้ฉันทมติร่วมกัน เพื่อนำพานโยบายสาธารณะ และมาตรการจัดการปัญญาที่ได้ในวันนี้ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม” รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว

รศ.จิราพร กล่าวว่า ก่อนที่งานสมัชชาสุขภาพกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1 จะถูกจัดขึ้นมานั้น ได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานจากผู้แทนภาคส่วนต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ออกแบบกระบวนการจัดและมีส่วนร่วมสมัชชาสุขภาพ นับตั้งแต่การพิจารณาคัดเลือกประเด็นที่เป็นปัญหาสำคัญร่วมกันของกรุงเทพฯ การพัฒนาข้อเสนอเชิงนโยบายและระบบ การรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มเครือข่ายและผู้มีส่วนได้เสีย การจัดกลุ่มเครือข่ายเข้าร่วมสมัชชาสุขภาพเพื่อหาฉันทมติร่วมกัน ทั้งนี้ มติสมัชชาสุขภาพ ที่ทุกคนเห็นพ้องร่วมกันในวันนี้ จึงถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตยทางตรงในการสร้างนโยบายจากล่างขึ้นบน ซึ่งจะเป็นทิศทางการพัฒนาของกรุงเทพฯ บนความเห็นชอบของคนทุกคน และเชื่อว่าทุกคนจะเข้ามามีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเพื่อไปสู่เป้าหมายทำให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสุขภาวะของคนกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

ด้าน นพ.ประทีป กล่าวอีกว่า ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสุขภาวะมีความสลับซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับหลายฝ่าย จึงไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยใครคนใดคนหนึ่ง โดยผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียแต่ละราย แต่ละหน่วยงาน หรือแต่ละองค์กร ต่างมีจุดแข็งและมีข้อจำกัดของตัวเอง ฉะนั้น การสานพลังและประสานความร่วมมือ รวมทั้งการใช้ข้อมูลทางวิชาการ จึงมีความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาหรือขับเคลื่อนโยบายให้บรรลุผล โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกลไกเข้ามาช่วยหนุนเสริมกระบวนการสมัชชาสุขภาพและธรรมนูญสุขภาพ ซึ่งเป็นเครื่องมือภายใต้ พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วมจากคนทุกฝ่าย ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยหาทางออกจากปัญหาต่างๆ ได้จริง ทั้งนี้ปัจจุบันมีกระบวนการสมัชชาในทุกระดับ และมีธรรมนูญสุขภาพในระดับพื้นที่เป็นจำนวนมาก แต่สำหรับกรุงเทพฯ แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่จะมีการจัดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และจัดทำธรรมนูญสุขภาพกรุงเทพฯ ขึ้น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image