กรมอนามัยขู่เอาผิดผู้ประกอบการ–ผู้สัมผัสอาหาร ต้องผ่านอบรมก่อน 16 ธค.นี้
วันที่ 26 พฤศจิกายน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ สธ.ได้ออกกกฎกระทรวงสุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ.2561 เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ว่าด้วยการอบรมหลักสุตรการสุขาภิบาลอาหาร เพื่อให้คุ้มครองสุขภาพผู้บริโภคและพิทักษ์สิทธิ ของประชาชนในการรับบริการด้านอาหาร รวมถึงสุขภาพผู้ปรุง ผู้สัมผัสอาหารด้วย ไม่ให้เกิดการปนเปื้อนเชื้อโรค สารเคมีหรือโลหะหนัก
“สาระสำคัญของกฎกระทรวงกำหนดในเรื่องการควบคุมสุขลักษณะสถานที่ขายนั้น ต้องดูแลให้ถูกต้องตั้งแต่จุดเตรียมอาหาร แสงสว่าง ที่ล้างมือ ห้องน้ำ ที่กำจัดขยะและน้ำเสีย วัตถุดิบต้องมี ความสด มีการจัดเก็บอย่างดี น้ำดื่มหรือน้ำที่เอามาใช้ทำอาหารก็ต้องสะอาด ส่วนน้ำแข็งที่ใช้กินห้ามเอาหมู เอาผักหรือเอาน้ำอัดลมลงไปแช่ จาน ชาม ช้อนส้อม ต้องสะอาดและมีการฆ่าเชื้อหลังทำความสะอาดด้วย ห้ามใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงในการทำ ประกอบ ปรุงอาหารบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหาร ห้ามใช้เมทิลแอลกอฮอล์หรือเมทานอลเป็นเชื้อเพลิงในการทำ ประกอบ ปรุง หรืออุ่นอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหาร รวมทั้งต้องจัดให้มีมาตรการและอุปกรณ์หรือเครื่องมือสำหรับป้องกันอัคคีภัยจากการใช้เชื้อเพลิงทำ ประกอบ ปรุง การเก็บรักษา ตลอดจนการจำหน่ายอาหาร น้ำใช้ ต้องเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมา ราชการส่วนท้องถิ่นได้มีการดำเนินงานตรวจแนะนำ ร้านอาหาร จัดอบรมผู้สัมผัสอาหาร เพื่อสร้างความร่วมมือกันในพื้นที่ โดยมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเป็นวิทยากร ให้ความรู้และให้คำแนะนำมาโดยตลอด นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานอื่นๆ ภาคเอกชน สถาบันที่มีความรู้ มีความชำนาญดำเนินการจัดการอบรมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหารได้อีกด้วย โดยขอความเห็นชอบจากกรมอนามัย เป็นหน่วยจัดอบรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการอบรมและฝึกปฏิบัติในห้องเรียนจากวิทยากรที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนด โดยมีเป้าหมายในช่วงระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2563 ให้มีจำนวนผู้ประกอบการและผู้สัมผัสอาหารที่เข้าข่ายผ่านการอบรมประมาณ 5 แสนราย
“นับเป็นความท้าทายของกรมอนามัยที่ต้องเร่งดำเนินการ และขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหารสมัครเข้ารับการอบรมตามหลักสูตร ที่กำหนด เพื่อเป็นการยกระดับและพัฒนาสถานประกอบการให้มีมาตรฐานตามประกาศ สธ. และยังเป็นการเฝ้าระวังความปลอดภัยด้านอาหาร ป้องกันการระบาดของโรคได้อย่างเข้มแข็ง รวมถึงผู้ประกอบกิจการ และผู้สัมผัสอาหารต้องรอบรู้ด้านสุขาภิบาลอาหารด้วย ซึ่งหากพบหน่วยงานหรือสถานประกอบกิจการ ไม่ดำเนินการเข้ารับการอบรมดังกล่าวภายในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ อาจมีความผิดได้ตามมาตรา 68 ฝ่าฝืน กฎกระทรวงมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท” นพ.สุวรรณชัย กล่าวและว่า
ทั้งนี้ หน่วยงานที่ประสงค์ขอความเห็นชอบเป็นหน่วยงานจัดอบรมผู้ประกอบกิจการและผู้สัมผัสอาหาร สามารถติดต่อได้ที่สำนักสุขาภิบาลอาหารและน้ำ กรมอนามัย ส่วนผู้ประกอบกิจการหรือผู้สัมผัสจำหน่ายอาหารใดที่ยังไม่ได้เข้ารับการอบรมสามารถแสดงความจำนงค์ได้ที่ สำนักงานเขต จังหวัด ราชการส่วนท้องถิ่น หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมที่โทร.0 2590 4178 หรือ http://foodsan.anamai.moph.go.th