ทีมสัตวแพทย์ ทช. สุดเศร้า! ยื้อชีวิตวาฬเพชฌฆาตดำไม่ได้ คาดเกิดจากการช็อกน้ำ
จากกรณีพบวาฬเพชฌฆาตดำ ความยาวประมาณ 4 เมตร ได้เกยตื้นแบบมีชีวิตมาบริเวณชายหาดบางเบิด หน้าโครงการพัฒนาส่วนพระองค์ ในหลวง ร.๙ อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันผลักดันออกสู่ทะเล แต่วาฬไม่สามารถว่ายน้ำออกไปได้จึงเคลื่อนย้ายมาในพื้นที่อ่าวเกาะเตียบซึ่งมีคลื่นลมสงบ และพยายามผลักดันสู่ทะเลอีกครั้ง แต่วาฬก็กลับมาเกยตื้นซ้ำ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูอาการตลอด
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ตนได้รับรายงานจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง (จ.ชุมพร) เกี่ยวกับการตายของวาฬเพชฌฆาตดำ ซึ่งได้สร้างความโศกเศร้าและเสียใจต่อนักอนุรักษ์และทีมงานเป็นอย่างยิ่ง สืบเนื่องจากคืนวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา มีคลื่นลมแรงและพายุ จึงทำให้วาฬเกิดภาวะความเครียดค่อนข้างรุนแรง เกิดการสำลักน้ำเข้าไปบางส่วน และขยับตัวว่ายน้ำค่อนข้างน้อย ทีมสัตวแพทย์จึงให้ยาซึมและคลายกังวลเพื่อควบคุมความเครียดถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ตอบสนองต่อยาเท่าใดนัก ทั้งนี้ สัตวแพทย์ได้ตรวจร่างกาย จัดเวรเฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่อง โดยบริเวณที่พักฟื้นของวาฬมีคลื่นลมแรง วาฬมีความเสี่ยงต่อการสำลักน้ำและเครียดมาก จึงพิจารณาย้ายแพรักษามายังอีกด้านของเกาะเพื่อหลบลมและคลื่น
ทีมสัตวแพทย์ได้ทำการรักษาและเฝ้าระวังอาการของวาฬอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ตนได้รายงานอาการให้นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ทราบเป็นระยะๆ โดยท่านได้มีความเป็นห่วงวาฬตัวดังกล่าว จึงได้มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่งสั่งการให้ ทช. ดูแลวาฬอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเร่งถอดบทเรียนจากพะยูนน้อยมาเรียม มาเป็นแบบอย่างในการดูแลวาฬอีกครั้ง
จากภาวะความเครียดจึงได้ทำการปล่อยวาฬลงในกระชัง เพื่อลดความเครียดและกระตุ้นการใช้กล้ามเนื้อ แต่เนื่องจากคลื่นลมแรงประกอบกับภาวะความเครียดสูง วาฬจึงมีภาวะช็อกและสำลักน้ำตามมา จากอาการป่วยเรื้อรังของวาฬดังกล่าว ประกอบกับความเครียดที่เกิดจากคลื่นลมแรง ทำให้วาฬช็อก การทำงานของหัวใจและระบบหายใจล้มเหลว ทีมสัตวแพทย์จึงพยายามกู้ชีพและให้ยากระตุ้นหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตวาฬไว้ได้ วาฬจึงตายในที่สุด
นายโสภณ กล่าวต่อว่า สำหรับผลผ่าชันสูตรซากวาฬเพชฌฆาตดำ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น พบว่าวาฬมีความยาว 4.33 เมตร ค่อนข้างผอม บาดแผลภายนอกที่เกิดจากการเกยตื้นสมานได้ดี พบรอยถูกรัดบริเวณครีบหลัง และโคนหาง เมื่อทำการผ่าชันสูตรพบว่ากล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจพบจุดเลือดออกโดยเฉพาะห้องซ้ายล่าง ในหลอดลมมีของเหลวปนอากาศ (Frothy exudate) ปอดซ้ายมีก้อนหนองและมีหนองอยู่ภายในจำนวนมาก ซึ่งสอดคล้องกับอาการลอยตัวเอียงของวาฬ ประกอบกับต่อมน้ำเหลืองบริเวณฝั่งซ้ายของลำตัวอักเสบและมีขนาดใหญ่กว่าปกติ พบเศษปลา และก้อนเศษอวนน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัม ในกระเพาะอาหารส่วนต้น คาดว่าทำให้เกิดการอุดตันบางส่วนของกระเพาะอาหาร พบพยาธิจำนวนมากในลำไส้เล็ก จนทำให้เกิดการตีบของลำไส้ ตับอ่อนอักเสบ มีจุดเลือดออก ทั้งนี้จากความผิดปกติที่พบจึงคาดว่าวาฬติดเครื่องมือประมงไม่ทราบชนิดมาก่อน และมีการสำลักน้ำ ส่งผลให้ปอดเกิดการอักเสบและติดเชื้อตามมา จนทำให้เกิดการป่วยเรื้อรังก่อนที่วาฬเข้ามาเกยตื้น นอกจากนี้การที่วาฬกินเศษอวนและพบพยาธิจำนวนมากในลำไส้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบ อุดตันของทางเดินอาหารบางส่วนและทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของทางเดินอาหารลดลง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ ทช. ได้เก็บตัวอย่างอวัยวะเพื่อศึกษาในห้องปฏิบัติการต่อไป