สธ.เช็กกลุ่มสัมผัสสาวเชียงใหม่ ยังไม่พบติดโควิด-19 คาดโทษพวกเข้าเมืองผิดกม.

สธ.เช็กกลุ่มสัมผัสสาวเชียงใหม่ ยังไม่พบติดโควิด-19 คาดโทษพวกเข้าเมืองผิดกม.

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป แถลงความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 กรณีหญิงไทยเดินทางกลับจากประเทศเมียนมา และตรวจพบเชื้อโควิด-19

นพ.โสภณ กล่าวว่า กองระบาดวิทยา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เชียงใหม่ สำนักงานป้องกันและควบคุมโรค (สคร.) ที่ 1 เชียงใหม่ เปิดเผยข้อมูลกรณีหญิงไทยอายุ 29 ปี ที่พักอยู่ใน จ.เชียงใหม่ มีผู้สัมผัสรวม 328 ราย กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง รวม 170 ราย แบ่งเป็น ผู้สัมผัสในชุมชน 65 ราย คือ ในคอนโดมิเนียมของผู้ป่วย 2 ราย คอนโดฯ เพื่อน 2 ราย สถานบันเทิง 55 ราย และห้างสรรพสินค้า 6 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อทุกราย ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 42 ราย เป็นผู้เดินทางข้ามแดนมาด้วยกัน 1 ราย พนักงานขับรถกระบะ 1 ราย รถตู้ 4 ราย และรถโดยสารปรับอากาศ 7 ราย อยู่ในระหว่างรอติดตาม และ รถแกร็บ (Grab Car) รวม 4 คัน ผลตรวจไม่พบเชื้อ 3 คัน และอีก 1 คัน อยู่ระหว่างติดตามตัว

นพ.โสภณ กล่าวว่า กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย แบ่งเป็นผู้สัมผัสในชุมชน 140 ราย เป็นผู้อยู่ในสถานบันเทิง 2 ราย ไม่พบเชื้อ ห้างสรรพสินค้า 138 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ 25 ราย รอผลตรวจ 5 ราย และรอติดตามอีก 108 ราย บุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาล (รพ.) เอกชน 9 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ และรถโดยสารปรับอากาศจังหวัดอื่นๆ 7 ราย รอติดตามผล และกลุ่มผู้สัมผัสอื่นๆ 72 ราย ผลตรวจไม่พบเชื้อ 47 ราย รอติดตามอีก 25 ราย

“การแพร่เชื้อไม่เกิดขึ้นโดยง่าย เนื่องจากพฤติกรรมส่วนใหญ่ของผู้ป่วยสวมหน้ากากอนามัย ยกเว้นในบางโอกาส เช่น ร้านอาหารที่มีการรับประทานอาหาร ในสถานบันเทิง อย่างไรก็ตาม จะต้องมีการเฝ้าระวังให้ครบ 14 วัน นับจากวันล่าสุดที่พบปะกับผู้ป่วยรายนี้” นพ.โสภณ กล่าว

Advertisement

นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า ในการดำเนินการของ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ได้กำหนดมาตรการ 1.เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคในชุมชน ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่างและลงมะเบียนในแอพพลิเคชั่นไทยชนะ 2.กรณีสถานประกอบการร้านอาหารสั่งปิดชั่วคราว 3.แจ้งโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน คลินิก ร้านขายยาให้เฝ้าระวังผู้ต้องสงสัย ทั้งนี้ จากข้อมูลแอพพ์ฯ ไทยชนะ พบว่ามีผู้ที่สแกนเข้า-ออกผ่านระบบไทยชนะ ในช่วงเวลาเดียวกับผู้ป่วยที่เดินทางไปใช้บริการในห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล จ.เชียงใหม่ ระยะเวลา 3 ชั่วโมง จำนวน 33 คน จึงขอให้ทุกคนเข้ามารายงานตัวเพื่อตรวจหาเชื้อและกักกันโรคต่อไป ส่วนของร้านอาหาร หรือสถานประกอบการไม่ปฏิบัติตามที่กรมควบคุมโรคและนำ จะมีการเข้าไปตักเตือนและอาจถึงขั้นปิดกิจการชั่วคราวด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงกับหญิงชาวเชียงใหม่ จะต้องตรวจหาเชื้อซ้ำหรือไม่ นพ.โสภณ กล่าวว่า โดยปกติแล้วการตรวจหาเชื้อในช่วงระหว่างวันที่ 5-7 หลังจากสัมผัสกับผู้ป่วย ตรวจเพียง 1 ครั้ง แล้วกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน ก็เพียงพอ แต่หากตรวจหาเชื้อในช่วง 1-2 วันแรก จะต้องตรวจซ้ำอีกครั้งในช่วงวันที่กำลังจะครบกำหนด 14 วันกักตัว ในรายของสาวเชียงใหม่ ขณะนี้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 69 ราย ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ คือ ไม่มีการติดเชื้อ โดยเฉพาะผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ก็ไม่ติดเชื้อ แต่อย่างไรก็ตามจะต้องมีการตรวจหาเชื้อซ้ำในกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงอีกครั้ง

ด้าน นพ.โอภาส กล่าวว่า ขณะนี้ จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงราย ได้ดำเนินการตามมาตรการได้อย่างดี โดยเฉพาะการสอบสวนควบคุมโรค และออกมาตรการต่างๆ

Advertisement

“ที่มีการออกข่าวว่าบางโรงเรียนที่ จ.เชียงใหม่ มีการปิดโรงเรียนนั้น ได้สอบถามไปทางนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) เชียงใหม่ ยืนยันว่า เป็นโรงเรียนเอกชนที่ประกาศปิดเอง ซึ่งเป็นการปิดเกินความจำเป็น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการ จะมีการประชุมกันอีกครั้ง แต่จากการสอบถามคนเชียงใหม่ทราบว่าสถานการณ์ดีมาก ไม่ตื่นตระหนก และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี สำหรับสถานบันเทิงที่มีความเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามข้อสั่งการของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ถูกสั่งปิดเรียบร้อยแล้ว” นพ.โอภาส กล่าว

นอกจากนี้ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ขอให้คนไทยดูตัวอย่าง จ.เชียงใหม่ ถ้าทุกคนร่วมกันสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะผู้ติดเชื้อ ถ้าสวมหน้ากากอนามัย โอกาสติดเชื้อจะน้อย จากผลสำรวจพบคนเชียงใหม่สวมหน้ากากอนามัยมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดสด ร้อยละ 95 ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ร้อยละ 90 กาดสันกำแพงร้อยละ 95 วัดสันก้างปลา สันกําแพงสวมหน้ากากอนามัยร้อยละ 100 และ วัดพระสิงห์ร้อยละ 80

“ถ้าทุกคนสวมหน้ากากอนามัยจะทำให้การแพร่ระบาดของโรคอยู่ในวงจำกัด เราไม่จำเป็นจะต้องปิดสถานบริการต่างๆ และหากมีการสแกนไทยชนะทุกครั้งที่เข้าไปในสถานที่ต่างๆ จะทำให้ง่ายในการติดตามผู้ที่เข้าข่ายเสี่ยงในไทม์ไลน์ได้อย่างง่ายดาย มีหลายจังหวัดถามมาว่า จะต้องมีการปิดพื้นที่ตาม จ.เชียงใหม่ หรือไม่ ยืนยันว่าไม่ต้อง คนที่ไม่ได้อยู่ในไทม์ไลน์ ไม่ใช่คนที่เสี่ยง เพราะคนที่เสี่ยงส่วนใหญ่ เมื่อติดตามมาแล้วก็ยังไม่พบใครติดเชื้อ” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า สำหรับทุกช่องทางธรรมชาติ เดิมมีการเฝ้าระวังเป็นคนต่างชาติ แต่ขณะนี้คนไทยก็ต้องเฝ้าระวัง เพราะสังเกตว่าฝั่งประเทศเพื่อนบ้านทั้งชายแดนพื้นที่ต่างๆ มีการติดเชื้อมากขึ้น คนไทยที่ไปทำงานต่างประเทศก็พยายามหลบเข้ามา ซึ่งขอให้เข้าตามระบบต่อระบบ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง หากมีการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายจะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับเจ้าของคอนโดฯ โรงงาน สถานบันเทิง หากพบคนไทยและต่างด้าวเข้าเมืองมาโดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัว 14 วัน ภายใน 1 เดือน ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ นพ.สสจ. สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) วันนี้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดจะออกประกาศเรื่องนี้ด้วย

“มีคนไทยที่ทำงานอยู่ที่ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งสถานการณ์ที่นั่นกำลังแรงทำให้คนไทยที่อยู่ที่นั่นอยากกลับเมืองไทย ซึ่งพื้นที่ได้มีมาตรการแล้ว หากใครจะกลับ ขอให้เข้าทางช่องทางปกติห้ามลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด เราจะมีความผิดหลายมาตรา หากครอบครัวใดมีคนกลับมาขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที มิฉะนั้นเจ้าของบ้านอาจมีความผิดตามกฎหมายต่อไป” นพ.โอภาส กล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image