กรมอุทยานฯยึด 5 ลูกเสือของกลางจากสวนสัตว์มุกดาฯ พร้อมแจ้ง 3 ข้อหา(ชมคลิป)

กรมอุทยานฯยึด 5 ลูกเสือของกลางจากสวนสัตว์มุกดาฯ พร้อมแจ้ง 3 ข้อหา แจ้งเท็จ-ครอบครองสัตว์ป่าโดยไม่ได้อนุญาต-และมีพฤติกรรมอำพรางซ่อนเร้นสัตว์ป่าในสวนสัตว์ สู่การค้าและธุรกิจ

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานฯ พร้อมด้วยนายสมปอง ทองสีเข้ม ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า ร่วมแถลงข่าวการตรวจสอบกิจการสวนสัตว์มุกดาสวนเสือและฟาร์ม ต.บางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร

นายประกิต เผยว่า ตามนโยบายของนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ได้กำชับให้คุมเข้มเรื่องการลักลอบค้าสัตว์ป่า โดยกรมอุทยานฯ ได้ดูแลในส่วนของสวนสัตว์เกี่ยวกับการให้อนุญาตให้จัดตั้งและประกอบกิจการสวนสัตว์ได้ ซึ่งทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) ได้ร่วมกับทีมเฉพาะกิจเหยี่ยวดง และพญาเสือ เข้าตรวจสอบสวนสัตว์มุกดาฯ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. 62 เข้าตรวจยึดจับกุมสัตว์ป่าคุ้มครอง คือ เต่าเหลือง และสัตว์ป่าต่างประเทศ 10 ชนิด รวม 44 ตัว อาทิ แพนด้าแดง ค่าง 4 สี เป็นต้น แต่เนื่องจากกฎหมายตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ที่กรมอุทยานบังคับใช้ในขณะนั้น ไม่ได้คุ้มครองสัตว์ป่าจากต่างประเทศ ศาลจึงยกฟ้องไป แต่ปัจจุบันกรมอุทยานฯ ได้ประกาศใช้พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ที่สามารถครอบคลุมถึงสัตว์ป่าจากต่างประเทศได้แล้ว

นายประกิต กล่าวอีกว่า การเข้าตรวจยึดดังกล่าว กรมอุทยานฯ ได้เก็บตัวอย่างเลือดของลูกเสือโคร่งอีก 5 ตัว เพื่อตวจสอบพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ โดยเจ้าของสวนสัตว์มุกดาฯ ให้ข้อมูลว่า พ่อให้ลาภและแม่ให้ทอง มีลูก 4 ตัว ชื่อข้าวยำ ข้าวกล่ำ ข้าวจ้าว และข้าวเหนียว ซึ่งเกิดเมื่อ 11 ส.ค. 58 ส่วนข้าวเหนียวได้ตายไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 62 โดยสวนสัตว์ยังเก็บซากข้าวเหนียวไว้อยู่ ส่วนอีก 3 ตัว ได้เจาะเลือดไปตรวจดีเอ็นเอแล้ว ผลการตรวจจากศูนย์นิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานฯ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม มีผลรายงานตรงกันว่า ลูกเสือโคร่ง ชื่อ ข้าวยำ ข้าวกล่ำ และข้าวจ้าว ไม่มีความสัมพันธ์เป็นลูกเสือโคร่ง ชื่อให้ลาภและให้ทอง ตามที่เจ้าของสวนสัตว์กล่าวอ้างงแต่อย่างใด รวมทั้งนำไปเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของเสือโคร่งตัวอื่นภายในสวนสัตว์อีก 20 ตัว พบว่าไม่มีความสัมพันธ์เป็นพ่อ แม่ ลูก เช่นกัน

“จึงถือได้ว่าลูกเสือโคร่ง 3 เสือ ไม่มีหลักฐานได้มาโดยชอบด้วยกฎหมาย มีความผิดตามพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ฐานมีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 17 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท และถือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานแจ้งความเท็จตางมมาตรา 137 และฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จตามมาตรา 267 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท”

Advertisement

นายประกิต กล่าวอีกว่า ส่วนลูกเสืออีก 2 ตัว คือ ข้าวเม่า และข้าวเปลือก เป็นลูกของพ่อโตโต้ และแม่มะเฟือง โดยขณะนี้ยังรอผลตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเออยู่ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือนน่าจะทราบผล อย่างไรก็ตามในวันนี้ทางกรมอุทยานฯ จึงได้อายัดลูกเสือของกลางทั้ง 5 ตัวไปดูแลรักษาที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าจุฬาภรณ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมทั้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ

“ส่วนเสือโคร่งที่ตรวจยึดมานั้น เจ้าหน้าที่จะเร่งสอบสวนกับทางเจ้าของสวนสัตว์ว่าได้มาอย่างไร รวมทั้งการตรวจดีเอ็นเอเสือโคร่งที่อยู่ในสวนสัตว์ทั่วประเทศ ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนสัตว์ป่า หรือนำเสือโคร่งจากธรรมชาติ หรือเสือโคร่งจากประเทศเพื่อนบ้านมาสวมรอย” รองอธิบดีกรมอุทยานฯ กล่าว

Advertisement

ด้านนายสมปอง กล่าวเสริมว่า ปัจจุบันมีสวนสัตว์อยู่ทั้งหมด 49 แห่งทั่วประเทศ อยู่ในกรุงเทพฯ 4 แห่ง และต่างจังหวัดอีก 45 แห่ง โดยมีสวนสัตว์ 32 แห่งที่มีเสือโคร่งอยู่ รวมทั้งสิ้น 1,511 ตัว โดยเราจะเร่งตรวจสอบดีเอ็นเอเสือโคร่งในสวนสัตว์ทั้งหมด ซึ่งกรมอุทยานฯมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว ว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ หากไม่เชื่อมโยงกันก็แปลว่านำเสือจากธรรมชาติมาสวมรอย

ขณะที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 และทีมพญาเสือ ได้เข้าแจ้งความใน 3 ข้อหา คือ 1.แจ้งเกิดลูกเสือที่เป็นเท็จ 2.สวม หรือนำเสือที่ไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานและเจ้าหน้าที่มาครอบครอง และ 3. มีพฤติกรรมอำพราง ซ่อนเร้นจากสัตว์ป่าในสวนสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาต และนำไปสู่การค้าและธุรกิจในสวนสัตว์
//////

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image