อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย คุมโควิดภาคเหนือได้แล้ว เที่ยวเชียงใหม่-เชียงรายปลอดภัย

อธิบดีกรมควบคุมโรค เผย คุมโควิดภาคเหนือได้แล้ว เที่ยวเชียงใหม่-เชียงรายปลอดภัย ชี้หน้าที่ฝ่ายความมั่นคงฟันความผิด คนลักลอบแพร่เชื้อ ด้าน กต.เด้งรับนายกฯ ผ่อนมาตราเปิดรับ นทท. อยู่ยาว 45 วัน ตั้งเป้าเข้ามาเกินเดือนละ 2 หมื่นคน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ธันวาคม ที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อหารือถึงกรณีที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากการลักลอบเข้าเมือง และการผ่อนคลายมาตรการการออกวีซ่าของกระทรวงการต่างประเทศ โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง

จากนั้นเวลา 12.20 น. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่า สถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยในปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักกัน ส่วนการติดเชื้อภายในประเทศถือว่าน้อยมาก อย่างกรณีมีผู้ติดเชื้อจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ส่วนใหญ่ลักลอบไปทำงานที่ท่าขี้เหล็กและลักลอบเข้ามาที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย จากนั้นจะเดินทางท่องเที่ยวและกลับบ้านที่ จ.เชียงใหม่ พิจิตร ราชบุรี กทม. เป็นต้น และมีอาการป่วย เมื่อพบแล้วเราได้ดำเนินการสอบสวนโรคว่าไปพบใครบ้าง ช่วงเวลาไหน ใครที่อยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย พูดคุยกันเกิน 5 นาที หรืออยู่ในยานพาหนะเดียวกันเกิน 15 นาที จะถือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง กลุ่มพวกนี้จะถูกกักตัว 14 วัน อีกส่วนคือ ใกล้ชิดผู้ป่วย แต่ไม่เข้าเกณฑ์เสี่ยงสูง จะเรียกว่าผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จะกักตัว 14 วันเช่นกัน ที่ผ่านมาเรามีผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็กจำนวน 32 ราย แบ่งเป็น เชียงราย 20 ราย เชียงใหม่ 5 ราย จังหวัดอื่นๆ จังหวัดละ 1 ราย จำนวนนี้มีเพียง 2 รายเท่านั้นที่ติดเชื้อภายในประเทศคือที่ จ.เชียงใหม่ ที่เป็นเพื่อนกับผู้ป่วยที่มาจากท่าขี้เหล็ก กินและเที่ยวด้วยกัน เราตรวจพบได้เร็วทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติม อีกรายเป็นผู้ป่วยที่ จ.สิงห์บุรี เดินทางเที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยจากท่าขี้เหล็ก คาดว่าติดเชื้อกันที่สนามบิน เพราะนั่งติดกัน สวมหน้ากากอนามัยต่ำกว่าปาก โดยเราวางมาตรการให้คนไทยที่อยู่ท่าขี้เหล็กกลับมาช่องทางถูกกฎหมาย เพื่อมาอยู่สถานกักกันตัวที่ จ.เชียงราย ซึ่งในระยะหลังจะเข้ามาถูกต้องตามกฎหมาย

นพ.โอภาสกล่าวว่า ขณะนี้ในพื้นที่ จ.เชียงราย ควบคุมสถานการณ์ได้ ถ้าจะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่จะอยู่ในสถานกักกันตัว ส่วน จ.เชียงใหม่ ไม่พบผู้ติดเชื้อจากท่าขี้เหล็กมาหลายวันแล้ว หรือแม้แต่ กทม. พิจิตร พะเยา สิงห์บุรี ราชบุรี ไม่พบผู้ป่วยเพิ่มเติม จึงถือว่ากรณีท่าขี้เหล็กทุกจังหวัดควบคุมสถานการณ์ได้ดี แต่ขอเน้นย้ำประชาชนว่าการ์ดอย่าตก และสิ่งที่อยากขอให้ประชาชนช่วยภาครัฐ เจ้าของบ้านเช่า เจ้าของบ้านพัก เจ้าของโรงแรม เจ้าของสถานประกอบการ เจ้าของสถานบันเทิง หากพบใครกลับมาจากท่าขี้เหล็กแล้วยังไม่ผ่านการกักตัว ขอให้แจ้งหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทันทีเพื่อตรวจสอบ ส่วนกรณีที่มีข่าวทางโซเชียลมีเดียว่าห้ามไปจังหวัดต่างๆ นั้นไม่เป็นความจริง กรุณาอย่าแชร์ต่อข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง เพราะเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ขอให้ติดตามข้อมูลจากส่วนราชการเท่านั้น

Advertisement

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ย้ำว่าจังหวัดต่างๆ สามารถควบคุมโรคได้ดี ปลอดภัย สามารถเดินทางไปได้ ท่องเที่ยวได้ทั้งเชียงใหม่และเชียงราย และมั่นใจว่ากรณีนี้เราควบคุมสถานการณ์ได้ และหวังว่าสถานการณ์ต่างๆ จะจบก่อนเทศกาลปีใหม่ ส่วนกรณีที่มีเอกชนบางรายออกมาตรการให้พนักงานที่ไปท่องเที่ยวเชียงใหม่และเชียงรายต้องกักตัวนั้น การติดเชื้อจะเกิดจากการสัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อโรค ถ้าไม่ได้ไปสัมผัสกับเขาหรืออยู่ในสถานที่เวลาเดียวกันกับเขาก็ไม่มีความเสี่ยง คนที่ไปเชียงใหม่ เชียงราย สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยังเข้า-ออกจังหวัดได้ตามปกติ ไม่มีการปิดจังหวัด ไม่มีการปิดอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าเอกชนที่ไหนจะให้กักตัว 14 วัน เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่ตนเห็นว่าเป็นมาตรการที่เกินความจำเป็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่ลักลอบเข้ามาแบบผิดกฎหมาย จะต้องถูกดำเนินคดีหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า ต้องดูตามสาระที่เขาทำ ใครทำผิดกฎหมายข้อไหน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง โดยเฉพาะ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ผิดชัดเจนและมีโทษค่อนข้างหนัก จะมีการดำเนินการตามสาระของแต่ละคน เป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง

Advertisement

ด้านนายจาตุรนต์ ไชยะคำ รองอธิบดีกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ได้ผ่อนคลายมาตรการให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศเป็นระยะ จากนักธุรกิจ ครอบครัวคนไทย และผู้ที่เข้ามารักษาพยาบาล ที่ผ่านมาเราได้ออกเอกสารอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ หรือ Certificate of Entry (COE) จนถึงเมื่อวานนี้ (6 ธันวาคม) รวมจำนวน 6,700 ราย สำหรับวันนี้ (7 ธันวาคม) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้นโยบายและสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้เพิ่ม โดยทางกระทรวงได้นำเสนอที่ประชุม เพื่อให้นายกฯ เห็นชอบเพิ่มเติมกรณีของผู้ที่เข้ามาเพื่อการท่องเที่ยว เดิมอนุญาตให้เข้ามา 30 วัน จาก 56 ประเทศ รวมถึงประเทศรัสเซีย ที่ประชุมได้เสนอให้อยู่ในประเทศไทยได้ 45 วัน โดยใน 45 วันนี้ได้รวมระยะเวลาในการกักตัว 14 วันด้วย เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เรามีความมั่นใจว่ามาตรการสาธารณสุขของไทยสามารถควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ ปัจจุบันในเขต กทม.มีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 15,000 ห้อง จึงเพียงพอที่จะรับนักท่องเที่ยวเข้ามาวันละ 1,000 คน แม้ว่าจะไม่ได้ทำวีซ่าเข้าประเทศ เราก็มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่กำหนดให้คนที่จะเดินทางเข้ามาต้องผ่านการตรวจโรคและเข้ามากักตัว พร้อมกับการขอเอกสาร COE ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้มีระบบขอเอกสารทางออนไลน์แล้ว เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนต่างชาติขอเอกสารเข้าประเทศไทยได้ง่ายขึ้น โดยจะดำเนินการและมีผลภายในวันนี้ คนที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยสามารถเตรียมตัวได้เลย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีคนต่างชาติเข้ามาประเทศไทยรวม 45,000 คน เราหวังว่าจากมาตรการนี้จะมีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาได้เดือนละมากกว่า 20,000 คน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image