แพทย์เผยอาการ ผวจ.สมุทรสาคร ไอก่อนตรวจพบโควิด-19

แพทย์เผยอาการ ผวจ.สมุทรสาคร ไอก่อนตรวจพบโควิด-19 ยันผู้บริหาร สธ.ผลรอบแรกเป็นลบ

เวลา 15.00 น. วันนี้ (28 ธันวาคม 2563) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.โอภาส การณ์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไปและปฏิบัติราชการรองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19

นพ.โอภาส กล่าวว่า กรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร มีผลยืนยันจากห้องปฎิบัติการ (แล็บ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ว่า เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยมีอาการไอ เจ็บคอ ขณะนี้ได้รับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล (รพ.) เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ต้องให้กำลังใจท่าน เพราะการที่ท่านติดเชื้อ เกิดจากการลงไปทำงานในพื้นที่ให้กับประชาชน เพื่อป้องกันการเกิดโรคระบาด โดยต้องให้กำลังใจอย่างมาก เพราะ 1.ท่านเป็นผู้สูงอายุอายุเกิน 55 ปี 2.ท่านมีโรคประจำตัว เพราะฉะนั้นถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีภาวะแทรกซ้อนง่ายกว่าปกติ

นพ.โอภาส กล่าวว่า ส่วนกรณี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการ สธ.ได้นำคณะผู้บริหาร สธ.ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจและกำกับการทำงานควบคุมโรคระบาดที่ จ.สมุทรสาคร โดยเฉพาะการตั้ง รพ.สนาม การลงไปกำกับติดตามทำให้มีการจัดตั้งและดำเนินการไปอย่างราบรื่น

อย่างไรก็ตาม นพ.โอภาส กล่าวว่า จากการติดตามผู้สัมผัส พบว่า ผู้บริหารที่มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ว่าฯ มากที่สุด คือ รัฐมนตรีว่าการ สธ.ที่จะต้องมีการสั่งการอย่างใกล้ชิด แต่จะเห็นได้ว่าท่านผู้ว่าฯ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ซึ่งลดความเสี่ยงให้กับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ก็จะเป็นความเสี่ยงต่ำได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม

Advertisement

นพ.โอภาส กล่าวว่า ผลการตรวจแล็บของกรมวิทยาศาสตร์ฯ ที่ใช้อ้างอิงทั่วประเทศ ยืนยันแล้วว่า รัฐมนตรีว่าการ สธ.ผลตรวจเป็นลบ ส่วน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. รวมถึงผู้บริหารของ สธ.คนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เลขาธิการ อย. อธิบดีกรมสุขภาพจิต อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อธิบดีกรมการแพทย์ รวมถึงอธิบดีกรมอนามัย ทุกคนผลเป็นลบ และส่วนรองปลัด สธ. ก็เป็นลบ เช่นกัน

“ทุกคนนับว่าเป็นความเสี่ยงต่ำและผลแล็บเป็นลบ แต่ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่าทุกอย่างจะปลอดภัย ทุกคนที่กล่าวมาในที่นี้จะต้องสังเกตอาการตนเอง ไม่ทำกิจกรรมที่ไปอยู่ร่วมกับคนหมู่มาก จะต้องมีการเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย 100% แต่ภารกิจต่างๆ ที่จำเป็นยังสามารถทำได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่คนหมู่มากคน การเดินทางไปไหนขอให้ใช้รถส่วนตัว จะต้องตรวจซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ในช่วงอีก 3 – 5 วัน และต้องตรวจอีกเป็นระยะจนครบ 14 วัน ซึ่งเป็นมาตรการที่ปลัด สธ. กำชับให้ผู้บริหารทุกคนทำ ดังนั้น จะเห็นว่ามาตรการจะมากกว่าคนทั่วไป ทำให้เป็นตัวอย่างให้คนทั่วไป” นพ.โอภาส กล่าว

นพ.โอภาส กล่าวว่า ประสบการณ์นี้สอนเราว่า มีโอกาสที่จะสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยที่ไม่รู้ตัวได้ เพราะว่าผู้ติดเชื้อบางครั้งอาการน้อยหรือไม่มีอาการ และส่วนใหญ่ระยะหลังประเทศไทยจะเป็นเช่นนี้ อย่างไรก็ตามกรณีผู้ว่าฯ ท่านสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะการอยู่ในห้องประชุมซึ่งช่วยลดความเสี่ยงให้กับผู้อื่นได้ เพราะหากท่านไม่สวมหน้ากากอนามัยในที่ประชุมเลย ทุกคนจะเป็นบุคคลเสี่ยงสูงหมดจะต้องถูกกักตัว 14 วัน จะต้องหยุดงาน ทำงานไม่ได้ก็จะเป็นความสูญเสีย

Advertisement

“ความร่วมมือมาตรการการกักตัว เว้นระยะห่าง เช่น รัฐมนตรีว่าการ สธ. ได้ทำให้พวกเราเห็นว่าพอท่านทราบ ท่านก็กักตัวเองทันที จะช่วยให้คนไทยคนอื่นปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งเป็นความร่วมมือสำคัญของคนไทย ที่บางคนไม่ยอมมารายงานตัว เพราะไม่อยากบอกข้อมูล ส่วนสื่อมวลชนที่ไปทำข่าว จากการที่ไปดูรูปถ่ายและวิดีโอต่างๆ พบว่าผู้ว่าฯ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ดังนั้น สื่อมวลชนวันนั้นมีความเสี่ยงต่ำ สิ่งที่ต้องปฏิบัติก็คือ สังเกตอาการตนเอง ไม่คลุกคลีกับคนหมู่มาก สวมหน้ากากอนามัย 100% ตลอดเวลาเป็นเวลา 14 วัน แต่หากท่านใดไม่สบายใจอยากตรวจก็สามารถนัดไปตรวจที่สถาบันบำราศนราดูรได้ อีก 3- 5 วันถัดไป เพื่อสร้างความสบายใจและความเชื่อมั่น” นพ.โอภาส กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image