แพทย์ย้ำสวมหน้ากาก-เว้นระยะห่าง มาตรการสำคัญสกัดโควิด-19 ลาม

แพทย์ย้ำสวมหน้ากาก-เว้นระยะห่าง มาตรการสำคัญสกัดโควิด-19 ลาม

วันนี้ (6 มกราคม 2564) ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า การสวมหน้ากากอนามัย และรักษาระยะห่าง มีความสำคัญในการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 เนื่องจากวงจรการแพร่กระจายของเชื้อมีการติดต่อระหว่างคนสู่คน

นพ.โอภาส กล่าวว่า เมื่อเชื้ออยู่ในคน และกำลังแพร่กระจายเชื้อออกไปสู่ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต่ำ จากนั้นเมื่อรับเชื้อไปก็จะอยู่ในระยะฟักตัวของโรค แม้ไม่มีอาการ แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้อื่นได้ จะมีอยู่ส่วนน้อยที่ป่วยหนักและเสียชีวิต ส่วนหนึ่งคือ หายป่วยและจะมีภูมิคุ้มกันโดยไม่แพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

“สิ่งที่เราต้องการป้องกันคือ ผู้ที่มีเชื้อ หากสวมหน้ากากอนามัยเชื้อจะติดอยู่ที่หน้ากากไม่กระจายไปผู้อื่นและถ้าสวมหน้ากากอนามัย 100% จะเป็นความสำคัญเป็นอันดับแรก อย่างไรก็ตาม หากร่วมกับการเว้นระยะห่างมากกว่า 2 เมตร ก็จะลดโอกาสติดเชื้อได้” นพ.โอภาส กล่าวและว่า การลดกิจกรรมระหว่างบุคคล ลดการเดินทางก็จะเป็นการเว้นระยะห่างอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักการของมาตรการล็อกดาวน์ ที่ต้องการให้ลดกิจกรรมและการเดินทาง

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในผู้ที่ได้รับฉีดวัคซีนแล้วก็จะไม่ติดเชื้อ โรคก็ไม่แพร่กระจายต่อ สำหรับผู้ที่สัมผัสเชื้อในจุดสัมผัสร่วม การล้างมือบ่อยๆ จะช่วยให้ลดความเสี่ยงในการรับเชื้อได้ รวมถึงการสแกนไทยชนะ และหมอชนะ จะทำให้ทราบว่ามีการสัมผัสผู้ติดเชื้อในจุดใดได้ ทั้งหมดนี้เป็นการป้องกันระดับปฐมภูมิ

Advertisement

“ขณะที่ผู้ติดเชื้อเข้าสู่ระยะฟักตัวของโรค ใช้เวลาประมาณ 7 วัน ในการแสดงอาการ ซึ่งหากมีการกักกันโรคอย่างน้อย 14 วัน และตรวจหาเชื้อเป็นระยะ ก็จะพบผู้ติดเชื้อเพื่อนำสู่การรักษาได้ และอีกประการหนึ่งคือการค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและต่ำ เพื่อค้นหาผู้ป่วยซึ่งกลุ่มนี้เป็นผู้ที่ติดเชื้อแล้ว และเมื่อค้นหาเจอ เข้าสู่การรักษาจนหายก็จะไม่แพร่กระจายเชื้อไปหาผู้อื่น เป็นการป้องกันระดับทุติยภูมิ ส่วนการค้นหาเชิงรุก เนื่องจากผู้ป่วยไม่มีอาการ ก็เลยไม่ได้ไปโรงพยาบาล ดังนั้น การค้นหากลุ่มเสี่ยงเพื่อแยกออกจากคนปกติ ก็เป็นอีกมาตรการหนึ่งเพื่อเป็นการป้องกัน ในระดับตติยภูมิ” นพ.โอภาส กล่าวและว่า เราสามารถตัดวงจรการแพร่กระจายโรคได้ที่ระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ และตติยภูมิ ซึ่งหากตัดวงจรได้ครบถ้วนโรคก็จะไม่แพร่กระจายออกไป ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่ประชาชนจะช่วยได้คือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง ลดกิจกรรมที่ไม่จำเป็น และลดการเดินทาง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image