แฉยับ!! โควิดระบาด ‘บ่อนผุด’ ตร.รู้เห็น รับส่วย ชี้เด้งบิ๊กตร.ไม่แก้ปัญหา จี้รบ.ปฏิรูปตำรวจ
เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่โรงแรมทีเค พาเลส ถนนแจ้งวัฒนะ มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน จัดเสวนา “หยุดบ่อน (พนัน) ทำลายเศรษฐกิจ ทำร้ายสังคม” โดย พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการ สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ระบาด ได้สะท้อนความจริงให้ปรากฎคือ ปัญหาใต้ดินหรือสิ่งผิดกฎหมายที่ทำลายสังคมมายาวนานได้เด่นชัดขึ้น จากการสอบสวนโรคของแพทย์ ไม่ว่าจะปัญหาบ่อนการพนัน คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เป็นการให้ข้อมูลเชิงบริสุทธิ์ แต่กลับไปกระทบอีกเรื่อง จนมีคำพูดว่าไม่มีบ่อนการพนัน ทั้งนี้ มองว่าการแพร่ระบาดของโควิดจากบ่อนการพนัน น่ากลัวกว่าแพร่ระบาดจากคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง เพราะคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมักอยู่อาศัยในวงแคบ แต่บ่อนการพนันจะมีเรื่องของการเดินทาง การปิดบัง ผู้คนจากหลากหลายอาชีพมารวมตัวกัน ฉะนั้นก็เป็นสิ่งดีที่เรื่องนี้ถูกเปิดโปงขึ้น เพื่อนำมาสู่การจัดการปัญหา
“ผมเชื่อว่าบ่อนการพนันไม่ได้มีเพียง 5 จังหวัด แต่มีทั่วประเทศ อย่างตู้ม้าเชื่อว่ามีอยู่ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นตู้ สูบเงินชุมชนนี้หมดก็ย้ายไปสูบชุมชนใหม่ เข้าไปเล่นได้เสมอ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ตำรวจรู้ รู้มานานแล้วด้วย เพียงแต่ไม่ทำอะไร บางแห่งตำรวจจัดให้มีด้วยซ้ำ” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าวและว่า บ่อนอาชีพไม่ใช่จะเปิดกันโดยพละการ ไม่ใช่ใครก็ได้จะมาเปิด การเปิดจะต้องติดต่อกับตำรวจแน่นอน เป็นคนที่ตำรวจเชื่อถือ มีการส่งส่วย ระดับผู้บังคับบัญชารู้เรื่องบ่อนแน่นอน เพียงอาจไม่รู้รายละเอียด แค่กำชับว่าดูแลให้ดีนะโว้ย แต่รับส่วยอบายมุขนี่ ตำรวจชั้นผู้ใหญ่รับเต็มๆ ตำรวจชั้นผู้น้อยได้ แต่ได้ไม่มาก อาจแบ่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจเดือนละ 500 บาท เพื่อให้ทำผิดด้วยกัน ส่วนเวลาจับบ่อนที มีคำสั่งเด้งตำรวจที เช่น ข่าวเด้ง 5 เสือสถานีตำรวจเซ่นบ่อนที่ผ่านมาเป็นการเด้งมาเด้งไป บางคนย้ายไป 10 วัน พอนักข่าวและสังคมลืม ก็ย้ายกลับมาเงียบๆ คำสั่งย้ายก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไร เพราะแต่ละคนไม่มีใครถูกลงโทษจริงสักคน บางคนเด้งไปไม่ต้องทำงานเลย เงินเดือนก็ขึ้น 2 ขั้นอีกด้วย การถูกสั่งเด้งที่ผ่านมาจึงคุ้ม เหล่านี้เป็นสิ่งที่ปฏิรูปตำรวจ
“เสนอให้ลงโทษจริงจัง ด้วยการสั่งสำรองราชการ หรือพักราชการ เพื่อตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง นี่เป็นสิ่งที่พวกเขารู้สึกกลัวกว่าการเด้งไปปฏิบัติราชการที่ส่วนกลาง ส่วนท่าทีระดับผู้บังคับบัญชาก็สำคัญ อย่างนายกรัฐมนตรี ที่ออกมาแสดงท่าทีขึงขังจัดการ มีการลงโทษจริงจังให้เห็นเป็นตัวอย่าง อาจทำเรื่องนี้เงียบไปสักพัก แต่ถ้ามาพูดไปยิ้มไป นี่ตำรวจยิ้มเลย พวกเขาดูภาษาอาการที่ส่งสัญญาณ อย่างไรก็ตาม อยากให้เพิ่มอำนาจฝ่ายปกครองให้สามารถสอบสวนคดีบ่อนการพนัน สถานบริการ และอาวุธปืนได้ เพราะปัจจุบันเวลาฝ่ายปกครองจับได้แล้วส่งต่อให้ตำรวจสอบสวนต่อ เรื่องถูกตีตกหมด” พ.ต.อ.วิรุตม์กล่าว
ส่วน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา และอดีตกรรมการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ตำรวจ แห่งชาติ พ.ศ…. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ 2560 มีความพยายามจะปฏิรูปตำรวจภายใน 1 ปีหลังประกาศใช้คือ วันที่ 1 เมษายน 2561 แต่นี่ผ่านมา 3 ปีแล้วก็ยังไม่ได้ปฏิรูปตำรวจ ที่ผ่านมาได้จัดตั้งคณะกรรมการมาร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ…. ตั้งมาแล้ว 3 ชุด ชุดล่าสุดมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน มีสาระสำคัญคือ เสนอให้การแต่งตั้งตำรวจมีองค์ประกอบ 3 ส่วน ใน 100 คะแนน คือ 1.อาวุโส ใครอายุมากก็มีสิทธิมาก กำหนดไว้ 45 คะแนน 2.ความรู้ความสามารถ กำหนดไว้ 25 คะแนน และ3.ความพึงพอใจของประชาชนในพื้นที่ กำหนดไว้ 30 คะแนน ซึ่งในส่วนนี้ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติ คอยจัดเก็บจากประชาชนในพื้นที่อยู่ตลอด และคะแนนนี้จะติดตามตัวตำรวจต่อไปในการแต่งตั้งโยกย้าย พร้อมกำหนดเขตการแต่งตั้งตำรวจระดับผู้กำกับสถานีไว้ 3 เขต คือ โซนนอก โซนกลาง และโซนใน ขึ้นใหม่เริ่มต้นจากโซนนอก แล้วค่อยขยับเข้าโซนกลาง และโซนใน ก็เชื่อว่าหากการแต่งตั้งตำรวจใช้ระบบนี้สัก 5 รอบการแต่งตั้ง ก็จะไม่มีข้อครหาของสังคมว่าทำไมตำรวจอายุน้อยได้ขึ้น พล.ต.ต. หรือพล.ต.ท. เร็วจัง หรือการตั้งข้ามหัว การแต่งตั้งไม่เป็นธรรม ตลอดจนการซื้อขายตำแหน่งไปสถานีตำรวจโซนในได้ ขณะเดียวกันจะได้ตำรวจที่เหมาะสม ตำรวจที่ทำงานเต็มที่เพื่อให้คนในพื้นที่พึงพอใจ
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า แต่พบว่าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่เห็นด้วย และแปลงร่างเสนออีกร่างหนึ่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งใช้ระบบแต่งตั้งตำรวจแบบกอง คือ กำหนดโควต้าอาวุโส ร้อยละ 33 และอีกกองกำหนดโควต้าอาวุโสไว้ร้อยละ 55 ที่เหลือให้เป็นดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา ซึ่งเป็นระบบคล้ายเดิม ปัญหาเชิงโครงสร้างของตำรวจจึงยังอยู่ นำไปสู่ปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นในสังคม อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลผลักดันร่างพ.ร.บ.ที่มีนายมีชัย เป็นประธานเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ให้นำไปสู่การหารือของกรรมาธิการเพื่อเผยแพร่ข้อมูลว่ากฎหมายนี้เป็นอย่างไร พร้อมอยากให้สำรวจความพึงพอใจของตำรวจชั้นผู้น้อยต่อระบบโยกย้ายในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร เพื่อนำไปประกอบการพิจารณา
ขณะที่ นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า มีข้อสังเกตว่าคนติดการพนัน รู้ทั้งรู้ว่าไปเล่นพนันแล้วเสี่ยงติดโรค เสี่ยงผิดกฎหมาย และเสี่ยงเสียทรัพย์ แต่ก็ยังดิ้นรนไปเล่น ในทางวิชาการมองว่าคนเหล่านี้อยู่ภาวะติดการพนันจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เป็นขั้นกว่าของการเล่นพนันเพื่อความเฮฮา ฉะนั้นจะต้องช่วยเหลือคนเหล่านี้ให้รอดพ้นจากการพนัน อาจไม่ใช่บทบาทของแพทย์อย่างเดียว แต่สามารถเป็นบทบาทของชุมชน ที่กลไก อสม. อพม.จะเข้ามาช่วยเหลือได้เบื้องต้น ในการให้ความรู้จัดการเงิน การเลิกเล่นพนัน และส่งต่อเคสที่หนักๆ เข้ารักษาต่อกับแพทย์ เชื่อว่าจะช่วยแก้ปัญหาคนติดการพนันได้ส่วนหนึ่ง