กรุงเทพฯ ฝุ่นพิษแรงอีก 27-28 ม.ค. หมอห่วงเด็ก 44% อยู่ในพื้นที่เสี่ยง

กรุงเทพฯ ฝุ่นพิษแรงอีก 27-28 ม.ค. หมอห่วงเด็ก 44% อยู่ในพื้นที่เสี่ยง

เมื่อวันที่ 26 มกราคม นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานแถลงข่าวรู้ทันป้องกันฝุ่น PM2.5 ประเด็น “ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ที่มีผลกระทบต่อเด็ก ซึ่งมีความเสี่ยงต่อสุขภาพและวิธีการป้องกัน” ร่วมกับ รศ.พญ.วิภารัตน์ มนุญากร กุมารแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี และ ผศ.พญ.หฤทัย กมลาภรณ์ กุมารแพทย์โรคระบบหายใจ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาฯ คณะทำงาน PM 2.5 ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ที่ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ด้านผลกระทบต่อสุขภาพ

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในกรุงเทพมหานครดีขึ้น แต่หลายพื้นที่โดยเฉพาะเขตพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 จากการเผาไหม้ บางพื้นที่อยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และมีการคาดการณ์ประมาณวันที่ 27-28 มกราคมนี้ ในพื้นที่กรุงเทพฯ จะเริ่มมีปัญหาฝุ่นอีกครั้ง ดังนั้นขอให้ประชาชนตรวจสอบสภาพอากาศ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กลางแจ้ง

“ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจากกรณีฝุ่น ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 28 ราย แบ่งเป็น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 14 ราย โรคระบบทางเดินหายใจ 13 ราย หอบหืด 1 ราย โดยกว่า 18 รายเข้ารักษาที่แผนกฉุกเฉิน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และมีโรคประจำตัว แต่เมื่อจำแนกกลุ่มอาการพบว่า มากที่สุดยังคงเป็นอาการโรคระบบทางเดินหายใจส่วนต้น ได้แก่ คัดจมูก มีน้ำมูก ร้อยละ 17 แสบจมูก ร้อยละ 13.7 และแสบตาคันตา ร้อยละ 9.8” อธิบดีกรมอนามัย กล่าวและว่า เด็กคือกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM 2.5 องค์การอนามัยโลกประมาณการณ์ว่าทุกปีจะมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เสียชีวิตเนื่องจากการรับสัมผัสมลพิษทางอากาศ ทั้งจากมลพิษทางอากาศในบ้านและในบรรยากาศ กว่า 5.7 แสนคน ฝุ่น pm 2.5 กระทบต่อพัฒนาการทางสมองและประสิทธิภาพการทำงานของปอด รวมถึงกระตุ้นการก่อโรคหอบหืด อีกทั้งเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยด้วยโรคระบบหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ และมะเร็งในระยะยาว

Advertisement

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า ในประเทศไทยมีประชากรเด็ก อายุ 0-14 ปี มากกว่า 11.4 ล้านคน โดยมีเด็กร้อยละ 44.1 อยู่ในพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นสูงเกินมาตราฐาน เมื่อลงรายละเอียดพบว่า ยังไม่พบจำนวนเด็กที่ป่วยหรือเสียชีวิตจากมลพิษอย่างชัดเจน แต่เมื่อพิจารณาจากฐานข้อมูลเฝ้าระวังโรคมลพิษทางอากาศของ สธ.ในปี 2563 พบว่า เด็กอายุ 0 -14 ปี ป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับฝุ่นละอองกว่า 618,131 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 5.42 เฉลี่ยแต่ละวันจะมีเด็กที่เข้ามารับการรักษา 1,694 รายต่อวัน นอกจากนี้ จากการสำรวจวันที่ 22-25 มกราคม 2563 เด็กมีกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการรับฝุ่นละอองหรือกิจกรรมกลางแจ้ง พบร้อยละ 52.9 ที่ดำเนินกิจกรรม 1-3 ชั่วโมงต่อวัน ส่วนการเดินทาง พบร้อยละ 55 มีโอกาสรับฝุ่นขณะเดินทาง โดยร้อยละ 35 เดินทางโดยรถจักรยานยนต์ ร้อยละ 12 เดินทางโดยรถสาธารณะไม่ปรับอากาศ และร้อยละ 8 เดินเท้า ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นการที่เด็กทำกิจกรรมทางการแจ้งหรือการเดินทางที่มีโอกาสเสี่ยงได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง จำเป็นที่ผู้ปกครองจะต้องเข้ามาดูแล โดยการงดหรือเสี่ยงการออกนอกอาคารในวันที่มีค่าฝุ่นสูง ปิดประตู หน้าต่าง ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีปนะโยชน์ หากจำเป็นต้องออกข้างนอก ควรสวมหน้ากากป้องกันฝุ่น หากมีอาการผิดปกติ ให้รีบพาไปพบแพทย์

ผศ.พญ.หฤทัย กล่าวว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) แบ่งระดับความรุนแรงทั้งหมด 5 ระดับ ตามลำดับสี คือ ฟ้า เขียว เหลือง ส้ม และแดง พร้อมแนะให้ดูค่าคุณภาพอากาศโดยรวม (AQI) ซึ่งคำนวณจากค่ามลพิษทั้งหมด 6 ชนิด ซึ่งระดับที่อยู่ในอันตรายสำหรับเด็กสุขภาพดีหรือบุคคลทั่วไป ระดับที่เฝ้าระวังคือเมื่อคุณภาพอากาศเกิน 100 (สีส้ม) แต่สำหรับกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กที่มีโรคประจำตัวคือเมื่อคุณภาพอากาศอยู่ในช่วง 51-100 (สีเหลือง) ก็ควรจะเฝ้าระวังแล้ว

Advertisement

“เนื่องจากเยื่อบุทางเดินหายใจและระบบภูมิคุ้มกันของเด็กนั้น ยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ จึงไม่สามารถป้องกันฝุ่นได้เท่าผู้ใหญ่ ดังนั้นฝุ่นที่มีผลกระทบกับเด็กจะอยู่ที่มากกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ส่วนเด็กที่มีปัญหาโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว เช่น โรคหืด โรคปอดเรื้อรัง เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ และโรคหัวใจ คุณภาพอากาศที่จะส่งผลกระทบคือมากกว่า 37 มคก./ลบ.ม.

ด้าน รศ.พญ.วิภารัตน์ กล่าวถึงกรณีตัวเลขค่าคุณภาพอากาศ Air4Thai ของ คพ.ที่ไม่เท่ากับแอพพลิเคชั่นอื่น ว่า เนื่องจาก Air4Thai ใช้มาตราฐานการวัดค่าคุณภาพของไทย แต่บางแอพพ์ฯ จะใช้มาตราฐานการวัดค่าของสหรัฐอเมริกาหรือที่อื่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image