สธ.ออกประกาศคุม รพ.เอกชน รักษาระบบเทเลเมดิซีน

สธ.ออกประกาศคุม รพ.เอกชน รักษาระบบเทเลเมดิซีน

เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีในด้านการแพทย์ของประเทศไทยมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก มีการนำระบบดิจิทัล (Digital) หรือ เทเลเมดิซีน (Telemedicine) มาใช้อำนวยความสะดวกในการสื่อสารด้วยการส่งสัญญาณเสียงและภาพ เพื่อให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข และให้คำปรึกษาในการดูแลสุขภาพแก่ผู้ป่วย ซึ่งการที่สถานพยาบาลเอกชนมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาให้บริการทางการแพทย์นั้น ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก ยิ่งในช่วงที่มีการระบาดระลอกใหม่ของโรคโควิด-19

“แต่ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการทางการแพทย์ประเภทใดก็ตาม จะต้องมีการดูแล กำกับมาตรฐานให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน ดังนั้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการรับบริการทางการแพทย์อย่างต่อเนื่อง แก่ผู้ป่วยที่อาการไม่ซับซ้อน หรือต้องพบแพทย์เป็นประจำ รวมทั้งคุ้มครองความปลอดภัยให้กับผู้รับบริการในสถานพยาบาลเอกชน สบส.จึงได้พัฒนากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการทางการแพทย์ทางไกล และได้มีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “มาตรฐานการให้บริการของสถานพยาบาลโดยใช้ระบบบริการการแพทย์ทางไกล พ.ศ.2564″ ลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป” นพ.ธเรศ กล่าว

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวถึงสาระสำคัญของประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้ ว่า กำหนดให้สถานพยาบาลเอกชนที่ประสงค์จะให้บริการโดยระบบบริการการแพทย์ทางไกล ต้องยื่นแบบคำขอบริการเพิ่มเติมต่อผู้อนุญาต คือ อธิบดี สบส. หรือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในพื้นที่ แต่หากมีการให้บริการการแพทย์ทางไกลอยู่แล้วให้ยื่นแบบคำขอบริการเพิ่มเติมต่อผู้อนุญาตภายใน 90 วัน นับแต่ประกาศมีผลบังคับใช้

“รวมทั้ง ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการสถานพยาบาล จะต้องจัดให้มีองค์ประกอบที่เหมาะสมในการให้บริการ อาทิ 1.จัดให้มีแพทย์ให้บริการในจำนวนที่เพียงพอต่อการให้บริการโดยตรง โดยจะต้องไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการหลักอื่นๆ 2.จัดเตรียมแผนและอุปกรณ์การสื่อสารโทรคมนาคม เทคโนโลยีที่สามารถสื่อสารระหว่างกันได้อย่างชัดเจน และมีมาตรฐานการรักษาความมั่นคงด้านสารสนเทศ 3.มีการลงทะเบียน บันทึกข้อมูล รายงานผลการให้บริการ การตรวจสอบและการยืนยันกระบวนการการให้บริการทุกขั้นตอน 4.กำกับและดูแลผู้ประกอบวิชาชีพ ให้ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบวิชาชีพ และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง 5.มีการชี้แจงรายละเอียดก่อนการให้บริการ ขั้นตอนปฏิบัติ ผลที่อาจเกิดขึ้นจากการให้บริการทุกด้าน และความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นแก่ผู้รับบริการ ฯลฯ” ทพ.อาคม กล่าวและว่า หากมีการฝ่าฝืนก็จะมีการดำเนินการเอาผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานพยาบาล พ.ศ.2541 กับผู้รับอนุญาต หรือผู้ดำเนินการสถานพยาบาล

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image